๒๙๗    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๒๙๙
ทรงให้บรรพชาโดยพลการมิใช่หรือ   เมื่อเป็นเช่นนั้น     เพราะเหตุไร  พระผู้มี
พระภาคเจ้าจึงตรัสว่า พระราหุลออกจากพระราชวังด้วยศรัทธา  ดังนี้  อันข้าพเจ้า
จะได้กล่าวเฉลย  พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้  ก็เพราะพระราหุลมีพระทัยน้อม
ไปในเนกขัมมะ  จริงอยู่ท่านผู้มีอายุนี้   มีพระทัยน้อมไปในเนกขัมมะนานแล้ว
คือเมื่อเป็นพระยานาคราช  ชื่อว่า  สังขะ  ได้เห็นสามเณร  ชื่อว่า  อุปเรวัต
ซึ่งเป็นโอรสของพระปทุมุตตรพุทธเจ้า ได้ถวายทานเป็นเวลา  ๗  วัน  ปรารถนา
ความเป็นอย่างนั้น    (คือความเป็นสามเณร)    จึงถึงพร้อมด้วยความปรารถนา
และอภินิหาร   จำเดิมแต่นั้นมา  บำเพ็ญบารมีอยู่เป็นเวลาแสนกัป  อุบัติแล้วใน
ภพสุดท้าย พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแหละทรงทราบความที่พระผู้มีอายุนั้น   มีพระ-
ทัยน้อมไปในบรรพชาอย่างนี้   ด้วยว่าญาณนี้เป็นญาณหนึ่งในตถาคตพลญาณ
ด้วยเหตุนี้  พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า   ท่านออกจากพระราชวังด้วยศรัทธา.
         อีกอย่างหนึ่ง  ในคำว่า  สทฺธาเยว  ฆรา  นิกฺขมฺม นี้  มีอธิบายว่า
เธอออกจากพระราชวัง   ด้วยศรัทธามาสิ้นกาลนานแล้ว   บัดนี้ก็จงทำที่สุดแห่ง
ทุกข์เถิด.
         บัดนี้   พระผู้มีพระภาคเจ้าเพื่อจะแสดงข้อปฏิบัติ  ด้วยการกระทำที่สุด
ทุกข์ในวัฏฏะตั้งต้นแต่การละสมุทัย    จึงตรัสพระคาถานี้ว่า   มิตฺเต   ภชสฺสุ
กลฺยาเณ  ดังนี้เป็นต้น.
         พึงทราบอธิบายในพระคาถานี้ดังต่อไปนี้.
         ชนทั้งหลายผู้ยิ่งด้วยศีลเป็นต้น  ชื่อว่า  กัลยาณมิตร  บุคคลคบอยู่ซึ่ง
กัลยาณมิตรเหล่านั้น    ย่อมเจริญด้วยคุณทั้งหลายมีศีลเป็นต้น    ประดุจต้นสาละ
หน้า ๒๙๘