| ช้างแก้ว (หัตถิรัตนะ) ซึ่งอุบัติความพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์นั้น |
| เป็นช้างเผือกเท้าสีแดง เป็นสัตว์ที่แข็งแรง มีฤทธิ์ไปในอากาศได้ เกิดจาก |
| สกุลช้างอุโบสถ หรือสกุลช้างฉัททันต์ ถ้าหากว่ามาจากสกุลช้างอุโบสถ ก็เป็น |
| ช้างที่เป็นหัวหน้าโขลงของช้าง ถ้าหากว่ามาจากช้างสกุลฉัททันต์ ก็เป็นช้าง |
| ตัวสุดท้อง มีการศึกษาอบรมมาดี ควรแก่การฝึก. ช้างนั้นพาบริษัทไปสิ้น |
| ๑๒ โยชน์ครอบงำทั่วชมพูทวีป แล้วกลับมาสู่ราชธานีของตน ในเวลาก่อน |
| อาหารเช้านั่นเทียว. |
| ม้าแก้ว (อัสสรัตนะ) ซึ่งเกิดติดตามพระราชาแม้นั้น ก็เป็นม้าสีขาว |
| เท้าแดง ศีรษะดำ ขนเหมือนหญ้าปล้อง มาจากสกุลม้าวลาหก คำที่เหลือ |
| ในเรื่องม้าแก้วนี้ ก็เช่นเดียวกับเรื่องช้างแก้วนั้นเอง. |
| แก้วมณี (มณีรัตนะ) เกิดติดตามพระราชาแม้นั้น แก้วมณีนั้น |
| เป็นแก้วไพฑูรย์ สวยงามโชติช่วง ซึ่งได้เจียระไนไว้ดี ทั้ง ๘ เหลี่ยม เช่นกับ |
| รูปดุมเกวียน มาจากภูเขาเวปุลละ แก้วมณีนั้น ขึ้นสู่ยอดธงของพระราชาแล้ว |
| ย่อมส่องสว่างไปในที่มืด แม้ประกอบด้วยองค์ ๔ ได้ถึง ๑ โยชน์ ซึ่งพวก |
| มนุษย์ทั้งหลายสำคัญว่าเป็นกลางวันเพราะแสงสว่าง แล้วประกอบการงานทั้ง |
| หลาย โดยที่สุดย่อมเห็นได้แม้มดดำและมดแดง |
| นางแก้ว (อิตถีรัตนะ) เกิดติดตามพระเจ้าจักรพรรดิแม้นั้น เป็น |
| อัครมเหสีโดยปกติ หรือไม่ก็เสด็จมาจากอุตตรกุรุทวีป หรือไม่ก็มาจากสกุล |
| มัททราช เว้นจากโทษ ๖ ประการ มีสูงเกินไปเป็นต้น เปล่งปลั่งล่วงผิวพรรณ |
| ของมนุษย์ แต่ไม่ถึงผิวพรรณอันเป็นทิพย์ ซึ่งในเวลาพระราชาเย็น พระกาย |