๓๑๔    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๑๖
         ถามว่า  เพราะเหตุไร  จึงเกิดปริวิตกขึ้น.
         ตอบว่า  เพราะพระอุปัชฌาย์นั้นไม่ได้อยู่เฉพาะหน้า  และเพราะพระ
อุปัชฌาย์นั้นอันท่านเห็นแล้ว  และมีการคุ้นเคย  จริงอยู่ในเวลาที่พระนิโครธ-
กัปปะนั้นปรินิพพาน   พระวังคีสะนี้    ไม่ได้อยู่เฉพาะหน้า    แต่การคุ้นเคยใน
กาลก่อน  มีการรำคาญมือเป็นต้นของพระเถระนั้น  เป็นผู้ที่พระวังคีสะนั้นเคย
เห็นมาแล้ว   และการประพฤติเช่นนั้น   ก็ย่อมมีได้ทั้งแก่ผู้ที่มิใช่ขีณาสพ   ทั้ง
แก่พระขีณาสพทั้งหลาย  โดยความประพฤติในกาลก่อน  จริงอย่างนั้น  พระ-
ปิณโฑลภารทวาชะ   ไปสู่อุทยานของพระเจ้าอุเทนเท่านั้น    เพื่อประโยชน์
แก่การอยู่ในกลางวัน    (พักผ่อน) ในภายหลังภัต    ด้วยความประพฤติในกาล
ก่อนนี้คือ  ในกาลก่อนท่านเป็นพระราชา ได้ปฏิบัติอยู่ในที่นั้น   พระควัมปติ
เถระไปยังเทววินานว่างในดาวดึงส์ภพ   ด้วยความประพฤติในกาลก่อนนี้   คือ
ท่านเป็นเทวบุตรปฏิบัติอยู่ในเทววิมานนั้น.
         ภิกษุชื่อว่า  ปิลินทวัจฉะ  เรียกผู้อื่นว่า  คนถ่อย  ด้วยความประพฤติ
ในกาลก่อนนี้คือ    ท่านเป็นพราหมณ์อยู่   ๕๐๐  ชาติ    ไม่มีกำเนิดอื่นปนเลย
ได้กล่าวกะผู้อื่นเหมือนอย่างนั้น   เพราะฉะนั้น ความปริวิตกแห่งใจจึงได้บังเกิด
ขึ้นแก่พระวังคีสะนั้น    เพราะท่านมิได้อยู่เฉพาะหน้า    เพราะท่านไม่เคยเห็น
และคุ้นเคยอย่างนี้ว่า     อุปัชฌาย์ของเรานิพพานแล้วหรือว่ายังไม่นิพพาน
ข้อความต่อจากนั้นมีเนื้อความตื้นทั้งนั้น.
         ก็ในคำว่า  เอกํสํ  จีวรํ  กตฺวา  นี้  ท่านกล่าวไว้อย่างนี้  ก็เพื่อทำ
จีวรให้แน่น (รัดกุม)   บ่อย ๆ.
หน้า ๓๑๕