| คำว่า ตุวํ โน สตฺถา ตวมนุตฺตโรสิ นี้ เป็นเพียงคำชมเชย |
| เท่านั้น. |
| หลายบทว่า ฉินฺเทว โน วิจิกิจฺฉํ ได้แก่ พระวังคีสะนั้นผู้หมด |
| ความสงสัยแล้ว ด้วยความสงสัยในอกุศล แต่ก็พูดหมายถึงความปริวิตกนั้น |
| ซึ่งเปรียบดุจความสงสัยนั่นเอง. |
| สองบทว่า พฺรูหิ เมตํ ความว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นศากยะ พระ- |
| องค์เป็นผู้ที่ข้าพระองค์ทูลขอแล้ว เพื่อให้บอกซึ่งสาวกใด ขอพระองค์จึงตรัส |
| บอกซึ่งสาวกนั้นแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์แม้ทุกคน ปรารถนาจะรู้สาวกนั้น |
| ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้มีปัญญาดุจแผ่นดิน ก็พระองค์เมื่อตรัสบอกอยู่ ก็ |
| จงบอกซึ่งพราหมณ์นั้นผู้ปรินิพพานแล้ว ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีปัญญา |
| พระองค์ทรงทราบพระเถระนั้นผู้ปรินิพพานแล้ว ก็จงบอกในท่ามกลางของข้า- |
| พระองค์ทั้งหลาย คือจงตรัสบอกในท่ามกลางของข้าพระองค์ทุกคน โดยประการ |
| ที่ข้าพระองค์ทุกคนจะพึงทราบได้. |
| คำว่า สกฺโกว เทวานํ สหสฺสเนตฺโต นี้ เป็นคำชมเชยเท่านั้น |
| คำนี้มีอธิบายดังนี้ว่า ท้าวสักกะผู้มีดวงตาหนึ่งพัน ผู้มีพระวาจาอันเทพเจ้า |
| เหล่านั้นรับแล้วโดยเคารพ ย่อมตรัสในท่ามกลางแห่งเทวดาทั้งหลายฉันใด |
| ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์มีพระวาจาอันข้าพระองค์ทั้งหลายรับแล้ว |
| ก็จงตรัสในท่ามกลางแห่งข้าพระองค์ทั้งหลายฉันนั้น. |
| พระวังคีสะ เนื้อจะชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล เพื่อจะยังความ |
| เป็นผู้กล่าวให้เกิดขึ้น จงได้กล่าวคาถาแม้นี้ว่า เยเกจิ เป็นต้น. |