๓๑๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๒๐
         เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า  กิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งหลายมีอภิชฌาเป็นต้น
พระวังคีสะเรียกว่าเป็นทางแห่งโมหะ     ว่าเป็นฝักฝ่ายแห่งความไม่รู้    และว่า
เป็นที่ตั้งแห่งความสงสัย   เพราะไม่ได้ละโมหะและความสงสัย  ในเพราะมิได้ละ
เครื่องร้อยรัดเหล่านั้น     เครื่องร้อยรัดเหล่านั้นทั้งหมดมาถึงพระตถาคตเจ้าแล้ว
ย่อมถูกกำจัด  ได้แก่จักพินาศไป  ด้วยพลังแห่งเทศนาของพระตถาคต.
         ถามว่า   เครื่องร้อยรัดเหล่านั้นถูกกำจัดได้ด้วยเหตุไร ?
         ตอบว่า  กิเลสชาติเหล่านั้นมาถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า  ผู้มีจักษุพระองค์
นี้แล   ซึ่งยิ่งกว่านระทั้งหลาย   ย่อมถูกกำจัดแล้ว     คำอันเป็นบาทพระคาถาว่า
จกฺขุมฺหิ  เอตํ  ปรมํ  นรานํ  ดังนี้    เป็นคำอันท่านกล่าวไว้ว่า  เพราะพระ-
ตถาคตเจ้า     ชื่อว่าเป็นผู้มีจักษุอย่างยิ่งกว่านระทั้งหลาย   เพราะทำปัญญาจักษุ
ในการกำจัดกิเลส   เครื่องร้อยรัดทั้งปวงให้เกิดขึ้น.
         พระวังคีสเถระเมื่อจะชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล      เพื่อจะยัง
ความเป็นผู้ใคร่เพื่อจะกล่าวให้เกิดขึ้น    จึงได้กล่าวคาถาแม้นี้ว่า   โน  เจ  หิ
ชาตุ   เป็นต้น.
         บรรดาบทเหล่านั้น  บทว่า  ชาตุ   เป็นคำโดยส่วนเดียว.
         บทว่า ปุริโส  ท่านพระวังคีสะหมายถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า  กล่าวแล้ว.
         บทว่า  โชติมนฺโต  ได้แก่   ชนทั้งหลายผู้มาตามพร้อมแล้วด้วย
ความรุ่งเรื่อง   คือปัญญา   มีพระสารีบุตรเป็นต้น.   ท่านกล่าวโดยคาถานี้ไว้ว่า
ผิว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า    จะไม่พึงกำจัดกิเลสทั้งหลายด้วยพลังแห่งเทศนา
เหมือนกับลมอันต่างด้วยลมมาทางทิศตะวันออกเป็นต้น   จะไม่พึงกำจัดเมฆแล้ว
หน้า ๓๑๙