๓๑๙    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๒๑
ไซร้  สัตว์โลกแม้ที่ปกปิดด้วยความไม่รู้    ก็จะพึงเป็นผู้มืด    ประดุจโลกที่ถูก
เมฆปกปิดไว้    ก็จะเป็นโลกมืด   คือมีการมืดมนเป็นอันเดียวกัน    แม้หรือว่า
ชนทั้งหลายเหล่านี้ใด   ซึ่งมีความรุ่งเรื่องในบัดนี้  ปรากฏอยู่    มีพระสารีบุตร
เป็นต้น    แม้ชนทั้งหลายเหล่านั้น  ก็ไม่พึงเดือดร้อน.
         พระวังคีสเถระ   เมื่อชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล  เมื่อจะยังความ
เป็นผู้ใคร่จะกล่าวให้เกิดขึ้นโดยนัยก่อนนั้นแล    จึงได้กล่าวคาถาแม้นี้ว่า     ธีรา
  เป็นต้น    เนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า   ก็บุรุษทั้งหลายผู้เป็นนักปราชญ์
คือผู้เป็นบัณฑิต   เป็นผู้กระทำความรุ่งเรือง    ย่อมให้ความรุ่งเรืองแห่งปัญญา
เกิดขึ้น   ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า   ผู้ทรงกล้าหาญ   ผู้ประกอบด้วยปธานวิริยะ
ฉะนั้น     ข้าพระองค์ย่อมสำคัญ    คือว่า   ย่อมสำคัญพระองค์ว่าเป็นนักปราชญ์
และว่าเป็นผู้กระทำความรุ่งเรืองเหมือนอย่างนั้น    ด้วยว่าข้าพระองค์ทั้งหลาย
เมื่อทราบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า    ผู้เห็นแจ่มแจ้ง    คือผู้เห็นซึ่งธรรมทั้งปวง
ตามความเป็นจริงอยู่   จึงได้เข้าไปหาพระองค์อย่างนี้.  เพราะฉะนั้น  ขอพระองค์
จงกระทำให้แจ่มแจ้ง    คือว่าจงตรัสบอก  ฯลฯ  ได้แก่จงประกาศซึ่งพระกัปป-
เถระ  ได้แก่พระนิโครธกัปปะ   ในบริษัททั้งหลายแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย.
         พระวังคีสะเมื่อจะชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล    เพื่อจะยังความ
เป็นผู้ใคร่จะกล่าวให้เกิดขึ้นโดยนัยก่อนนั้นแล    จงกล่าวคาถาแม้นี้ว่า   ขิปฺปํ
ดังนี้เป็นต้น.  เนื้อความแห่งคาถานั้นว่า   ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้มีพระดำรัส
อันไพเราะ  ขอพระองค์จงเปล่งถ้อยคำอันไพเราะโดยพลัน  คือว่าจงอย่าได้ชักช้า
อยู่  ซึ่งตรัสพระดำรัสอันไพเราะ  คือว่าอันนำมาซึ่งความรื่นรมย์แห่งใจ  เปรียบ
หน้า ๓๒๐