| เหมือนสุวรรณหงส์ไปสู่ที่หากิน ได้พบสระที่เกิดเองและราวป่า จึงโก่งคอ |
| เมื่อจะไม่รีบร้อน จึงค่อย ๆ เปล่งเสียง ด้วยจะงอยปากสีแดง คือร้องด้วยเสียง |
| อันไพเราะฉันใด แม้พระองค์เองก็ฉันนั้นเหมือนกัน ทรงค่อย ๆ เปล่งด้วย |
| พระสุรเสียงอันไพเราะ อันเป็นมหาปุริสลักษณะอย่างหนึ่งนี้ ที่พระองค์ทรง |
| กำหนดไว้ดีแล้ว ได้แก่ที่พระองค์กำหนดตกแต่งไว้ด้วยดี ข้าพระองค์แม้ |
| ทั้งปวงเหล่านี้แล เป็นผู้ตรงคือเป็นผู้ไม่มีใจฟุ้งซ่าน จักสดับพระสุรเสียงที่ |
| พระองค์ทรงเปล่งแล้ว. |
| พระวังคีสะ เมื่อจะชมเชยพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล เมื่อจะยังความ |
| เป็นผู้ใคร่ที่จะกล่าวให้เกิดขึ้นโดยนัยก่อนนั้นแล จึงกล่าวคาถาแม้นี้ว่า ปหีน- |
| ชาติมรณํ ดังนี้เป็นต้น พึงทราบวิเคราะห์ในคำว่า อเสสํ นั้นว่า บาปใด |
| ย่อมไม่เหลืออยู่ เหตุนั้นบาปนั้น ชื่อว่า อเสสะ ซึ่งพระองค์ผู้ทรงกำจัดบาป |
| อันไม่มีส่วนเหลือนั้น มีคำอธิบายว่า ดังพระอริยเจ้ามีพระโสดาบัน เป็นต้น |
| ผู้ซึ่งละชาติและมรณะได้ ไม่มีอะไรเหลือ ฉะนั้น |
| บทว่า นิคฺคยฺห ได้แก่ ขอร้องด้วยดีแล้ว กล่าวคือรบเร้าแล้ว. |
| บทว่า โธนํ ได้เเก่ ผู้มีบาปธรรมทั้งปวงอันกำจัดแล้ว. |
| บทว่า วาเทสฺสามิ ได้แก่ข้าพระองค์จะขอให้พระองค์ตรัสพระธรรม. |
| บาทพระคาถาว่า น กามกาโร หิ ปุถุชฺชนานํ ความว่า ด้วยว่าการ |
| กระทำความใคร่ ย่อมไม่มีแก่ปุถุชนทั้งหลายเท่านั้น อธิบายว่า ปุถุชนปรารถนา |
| จะทราบหรือจะกล่าวสิ่งใด ก็ไม่อาจที่จะทราบหรือจะกล่าวสิ่งนั้น ได้ทั้งหมด. |
| บาทพระคาถาว่า สงฺเขยฺยกาโร จ ตถาคตานํ ความว่า ส่วนการ |
| กระทำการพิจารณา คือว่า การกระทำที่มีปัญญาเป็นสภาพถึงก่อน ย่อมมีแก่ |