| พระตถาคตเจ้าทั้งหลาย อธิบายว่า พระตถาคตเจ้าทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมทรง |
| ปรารถนาจะทรงทราบ หรือตรัสสิ่งใด ก็สามารถทราบหรือตรัสสิ่งนั้นได้ |
| (ทั้งหมด). |
| บัดนี้ พระวังคีสะเมื่อจะประกาศ ซึ่งการกระทำการพิจารณานั้น จึง |
| กล่าวคาถานี้ว่า สมฺปนฺนเวยฺยากรณํ ดังนี้เป็นต้น. |
| เนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า จริงอย่างนั้น |
| ไวยากรณ์อันสมบูรณ์มีอันเป็นไปที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้ว อันพระองค์ผู้มี |
| พระปัญญารุ่งเรือง ทรงเรียนมาดีแล้วในที่นั้น ๆ นี้ไม่ผิด อันชนทั้งหลาย |
| เห็นแล้วในพระดำรัสทั้งหลาย ที่พระดำรัสอย่างนี้ว่า สันตติมหาอำมาตย์เหาะ |
| ขึ้นสู่อากาศ ชั่วระยะ ๗ ลำตาลแล้วจักปรินิพพาน และว่า สุปปพุทธศากยะ |
| จักถูกแผ่นดินสูบในวันที่ ๗ ดังนี้. ก็ต่อจากนั้นพระวังคีสะประนมอัญชลีให้ดี |
| ยิ่งขึ้น แล้วทูลว่า อัญชลีครั้งหลังนี้ อันข้าพระองค์ประณมดีแล้ว คือว่า |
| อัญชลีแม้อีกครั้งหนึ่งนี้ อันข้าพระองค์ประนมดีแล้ว ดียิ่งขึ้น. |
| บทว่า มา โมหยิ ความว่า พระองค์เมื่อทรงทราบอยู่ คือทรงรู้ |
| อยู่ซึ่งคติกำเนิดของพระเถระชื่อว่ากัปปะ ก็อย่าทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายหลง |
| อยู่ด้วยการไม่ตรัสตอบเลย พระวังคีสะเรียกพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยคำว่า |
| อโนมปัญญา ผู้มีปัญญาไม่ทราบ. |
| ก็พระวังคีสะเมื่อจะทูลขอพระผู้มีพระภาคเจ้า ถึงการไม่หลงนั้นแหละ |
| ปริยายแม้อื่น จึงกล่าวคาถานี้ว่า ปโรวรํ ดังนี้เป็นต้น. |