| ก็คำว่า อิติ ภควา นี้ ในคาถานี้ เป็นคำของพระสังคีติกาจารย์ |
| ทั้งหลาย. ด้วยบาทพระคาถาว่า อตาริ ชาติมรณํ อเสสํ พระผู้มีพระภาค- |
| เจ้าทรงแสดงว่า พระกัปปายนเถระนั้นได้ตัดแล้วซึ่งตัณหานั้น ได้ข้ามแล้ว |
| ซึ่งชาติและมรณะที่เหลือ ปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ. |
| บาทพระคาถาว่า อิจฺจพฺรวี ภควา ปฺจเสฏฺโ ความว่า |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ประเสริฐกว่าพระปัญจวัคคีย์ผู้เป็นศิษย์รุ่นแรก ๕ องค์ |
| ด้วยอินทรีย์ทั้ง ๕ มีศรัทธาเป็นต้น หรือด้วยธรรมทั้งหลาย มีศีลเป็นต้น. |
| และเป็นผู้ประเสริฐด้วยพระจักษุที่ประเสริฐอย่างยิ่ง อันพระวังคีสะทูลถามแล้ว |
| ได้ตรัสแล้วอย่างนี้. คำนี้เป็นคำของพระสังคีติกาจารย์. |
| เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว พระวังคีสะเมื่อจะชื่นชมภาษิต |
| ของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้กล่าวคาถา เป็นต้นว่า เอส สุตฺวา ดังนี้. |
| ในคาถาเหล่านั้น พึงทราบวินิจฉัยคาถาที่ ๑ ดังต่อไปนี้. |
| บทว่า อิสิสตฺตมา ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นฤๅษีด้วย |
| เป็นที่ ๗ ด้วย เพราะอรรถว่าสูงสุด อีกอย่างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง |
| กระทำพระฤาษี ๖ พระองค์ มีพระนามว่า วิปัสสี สิขี เวสสภู กกุสันธะ |
| โกนาคมนะ และกัสสปะ ให้พระองค์เป็นที่ ๗ ปรากฏแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้า |
| จึงเป็นพระฤๅษีองค์ที่ ๗ พระวังคีสะเมื่อจะเรียกพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นว่าเป็น |
| ฤๅษีพระองค์ที่ ๗ จึงได้กล่าวแล้ว. |
| สองบทว่า น มํ วญฺเจสิ ความว่า เพราะเหตุที่พระกัปปายนเถระ |
| ปรินิพพานแล้ว ฉะนั้น พระองค์จะไม่ลวง ข้าพระองค์ ผู้ปรารถนาอยู่เพื่อจะ |