๓๒๔    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๒๖
         ก็คำว่า  อิติ  ภควา  นี้  ในคาถานี้    เป็นคำของพระสังคีติกาจารย์
ทั้งหลาย.  ด้วยบาทพระคาถาว่า  อตาริ  ชาติมรณํ  อเสสํ  พระผู้มีพระภาค-
เจ้าทรงแสดงว่า    พระกัปปายนเถระนั้นได้ตัดแล้วซึ่งตัณหานั้น    ได้ข้ามแล้ว
ซึ่งชาติและมรณะที่เหลือ  ปรินิพพานแล้วด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ.
         บาทพระคาถาว่า    อิจฺจพฺรวี  ภควา   ปฺจเสฏฺโ€    ความว่า
พระผู้มีพระภาคเจ้า    ผู้ประเสริฐกว่าพระปัญจวัคคีย์ผู้เป็นศิษย์รุ่นแรก ๕ องค์
ด้วยอินทรีย์ทั้ง ๕ มีศรัทธาเป็นต้น  หรือด้วยธรรมทั้งหลาย  มีศีลเป็นต้น.
และเป็นผู้ประเสริฐด้วยพระจักษุที่ประเสริฐอย่างยิ่ง  อันพระวังคีสะทูลถามแล้ว
ได้ตรัสแล้วอย่างนี้.  คำนี้เป็นคำของพระสังคีติกาจารย์.
         เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว พระวังคีสะเมื่อจะชื่นชมภาษิต
ของพระผู้มีพระภาคเจ้า   จึงได้กล่าวคาถา  เป็นต้นว่า  เอส  สุตฺวา   ดังนี้.
         ในคาถาเหล่านั้น    พึงทราบวินิจฉัยคาถาที่   ๑  ดังต่อไปนี้.
         บทว่า    อิสิสตฺตมา    ความว่า     พระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นฤๅษีด้วย
เป็นที่ ๗  ด้วย  เพราะอรรถว่าสูงสุด  อีกอย่างหนึ่ง  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
กระทำพระฤาษี ๖  พระองค์    มีพระนามว่า  วิปัสสี  สิขี  เวสสภู  กกุสันธะ
โกนาคมนะ และกัสสปะ ให้พระองค์เป็นที่  ๗ ปรากฏแล้ว  พระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงเป็นพระฤๅษีองค์ที่  ๗  พระวังคีสะเมื่อจะเรียกพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นว่าเป็น
ฤๅษีพระองค์ที่  ๗  จึงได้กล่าวแล้ว.
         สองบทว่า  น  มํ  วญฺเจสิ  ความว่า  เพราะเหตุที่พระกัปปายนเถระ
ปรินิพพานแล้ว   ฉะนั้น  พระองค์จะไม่ลวง  ข้าพระองค์  ผู้ปรารถนาอยู่เพื่อจะ
หน้า ๓๒๕