๓๒๕    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๒๗
ทราบความที่พระกัปปายนเถระปรินิพพาน    คือว่า   ขอพระองค์อย่าได้ตรัส
ให้ผิด.  คำที่เหลือในคาถานี้ปรากฏแล้ว.
         ในคาถาที่  ๒ พึงทราบวินิจฉัยดังนี้ :-
         เพราะเหตุที่สาวกของพระพุทธเจ้า  มุ่งหวังการหลุดพ้นอยู่แล้ว   ฉะนั้น
พระวังคีสเถระกล่าวหมายเอาเนื้อความนั้นว่า สาวกของพระพุทธเจ้าเป็นผู้กล่าว
อย่างใด  ก็ทำอย่างนั้น.
         บาทพระคาถาว่า   มจฺจุโน  ชาลํ  ตนฺตํ  ได้แก่  ข่ายคือตัณหาของมาร
ที่แผ่กว้างออกไปเเล้วในวัฏฏะอันประกอบด้วยภูมิ ๓ นั้น.
         บทว่า  มายาวิโน  ได้แก่   ผู้มีมายามาก.   อาจารย์บางพวกกล่าวว่า
ผู้มีมายาเหมือนอย่างนั้น     ดังนี้ก็มี    อธิบายของอาจารย์ทั้งหลายเหล่านั้นว่า
มารใดเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า  แม้หลายครั้งนับไม่ถ้วน  ด้วยมายาทั้งหลาย
เป็นอเนกของมารนั้น  คือ  ผู้มีมายาเหมือนมารนั้น.
         ในคาถาที่  ๓  มีวินิจฉัย  ดังนี้ :-
         บทว่า  อาทิ  ได้แก่  เหตุ. บทว่า อุปาทานสฺส  ได้แก่  แห่งวัฏฏะ.
จริงอยู่   วัฏฏะ  ท่านกล่าวว่า  เป็นอุปาทานในที่นี้  เพราะอรรถว่าอันสัตว์พึง
ยึดมั่น.
         พระวังคีสเถระ   ย่อมกล่าวด้วยประสงค์ว่า   ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าควรจะตรัสอย่างนี้ว่า   พระกัปปเถระได้เห็นแล้วซึ่งเหตุแห่ง
อุปาทานนั้นนั่นแล  คือว่า  ซึ่งเหตุอันต่างด้วยอวิชชาและตัณหาเป็นต้น.
         บทว่า  อจฺจคา  วต   ได้แก่  ก้าวล่วงแล้วหนอ.
หน้า ๓๒๖