๓๓๓    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๓๕
ลูก ๆ พึงมาตรองราชสมบัติเถิด   แล้วทรงส่งไปกับอำมาตย์  ๘  คน.  พระราช-
กุมารเหล่านั้น    ได้พาพระพี่นางพระน้องนาง     ออกจากพระนครพร้อมด้วย
จตุรงคเสนา.   พวกชาวพระนครู้ว่า   พระกุมารจะเสด็จมารองราชสมบัติเมื่อ
พระบิดาสวรรคตแล้ว  จึงคิดว่า  พวกเราจะติดตามไปอุปัฏฐากพระกุมารเหล่านั้น
ก็พากันตามเสด็จไปเป็นอันมาก. ในวันแรกได้มีหนุ่มเสนาประมาณ ๑ โยชน์ ใน
วันที่สองประมาณ ๒ โยชน์  ในวันที่สามประมาณ ๓ โยชน์.
         พระราชกุมารทั้งหลายทรงดำริว่า   พลนิกายมีมาก   หากเราจะยกไปตี
พระราชาใกล้เคียงเมืองหนึ่งเมืองใด     ชิงเอาบ้านเมือง     ชนบททั้งหมดก็จะ
พ่ายแพ้เรา    แต่ประโยชน์อะไรด้วยราชสมบัติที่ได้มา    เพราะเบียดเบียนผู้อื่น
ชมพูทวีปก็กว้างใหญ่    เราจะสร้างนครในป่า  จึงพากันเสด็จบ่ายหน้าไปยังป่า
หิมพานต์.
         พระราชกุมารแสวงหาที่จะสร้างพระนคร      ที่ป่านั้นมีพระดาบสชื่อ
กปิละ  มีตบะแรงกล้า  อาศัยอยู่ในป่าไม้สากะใกล้ฝั่งโบกขรณี  ณ  ป่าหิมพานต์
พระราชกุหารไปถึงที่อยู่ของดาบสนั้น.   ดาบสเห็นพระราชกุมารเหล่านั้นจึงถาม
ครั้นทราบเรื่องราวทั้งหมด   จึงได้ทำการอนุเคราะห์พระราชกุมารเหล่านั้น.
         นัยว่า พระดาบสนั้นรู้ภูมิชัยวิทยา  เห็นคุณและโทษในอากาศสูงขึ้นไป
ได้  ๘๐ ศอก  และใต้พื้นดินลงไป  ๘๐  ศอก.  ณ  ภูมิประเทศนั้น   หมูเเละเนื้อ
ทั้งหลายทำให้ราชสีห์และเสือเป็นต้นหวาดกลัวหนีกลับไป   กบและหนูทั้งหลาย
ทำให้งูเกรงกลัว.   ดาบสครั้นเห็นพระราชกุมารเหล่านั้น    จึงทูลว่า  ภูมิประเทศ
นี้   เป็นพื้นปฐพีอันล้ำเลิศ จึงให้สร้าง  พระนคร ณ  ที่นั้น. ครั้งนั้น  พระดาบสได้
หน้า ๓๓๔