๓๓๕    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๓๗
พระราชกุมารเหล่านั้นทรงกลัวการระคนด้วยชาติ   จึงอยู่ร่วมกันกับพระภคินีของ
ตน ๆ พระเจ้าข้า. ดูก่อนอัมพัฏฐะ  ครั้งนั้นแล  พระเจ้าโอกกากราช  ทรงเปล่ง
อุทานว่า  สกฺยา  วต  โภ  กุมารา  ปรมสกฺยา   วต  โก  กุมารา ดังนี้
ความว่า  ท่านทั้งหลาย  กุมารทั้งหลายเป็นผู้สามารถหนอ   กุมารทั้งหลายเป็น
ผู้สามารถอย่างยิ่งหนอ.   ดูก่อนอัมพัฏฐะ  เจ้าสักยะทั้งหลายย่อมปราก    ตั้งแต่
ครั้งนั้นเป็นต้นมา    และพระเจ้าโอกกากราชนั้นเป็นบรรพบุรุษของเจ้าศากยะ
ทั้งหลาย  ดังนี้.
         ครั้นต่อมาพระเชฏฐภคินีของพระกุมารเหล่านั้นได้เป็นโรคเรื้อน.
พระวรกายได้ปรากฏเหมือนดอกทองหลาง.    พระราชกุมารทั้งหลายทรงดำริว่า
พระโรคนี้ย่อมติดต่อแก่ผู้ที่นั่งที่ยืนและบริโภคร่วมกับพระเชษฐภคินีนี้   จึงทูล
เชิญพระนางให้เสด็จขึ้นบนรถ ทำเป็นดุจจะไปชมสวน  แล้วเสด็จเข้าป่ารับสั่งให้
ขุดบ่อลึกทำเป็นเรือนพลสังเขปใต้พื้นดิน    วางพระนางลงในบ่อนั้นพร้อมด้วย
ของควรเคี้ยวและควรบริโภค   ปิดข้างบนเกลี่ยฝุ่นแล้วเสด็จไป.
         ก็สมัยนั้น พระราชาพระนามว่า  รามะ  เป็นโรคเรื้อนถูกพวกสนมและ
พวกฟ้อนรำพากันรังเกียจ   ทรงสลดพระทัย   มอบราชสมบัติให้พระโอรสองค์
ใหญ่เสด็จเข้าป่า เสวยรากไม้และผลไม้ในป่านั้น   ไม่ช้าก็หายพระโรค มีพระฉวี
ดุจทองคำ  เสด็จไปตามที่ต่าง ๆ  ทอดพระเนตรเห็นต้นไม้มีโพรงใหญ่  ทรงทำ
ความสะอาดโพรงไม้นั้นประมาณ  ๑๖  ศอก     ภายในโพรงไม้นั้นทรงกระทำ
ประตูหน้าต่าง  พาดบันไดเสด็จประทับอยู่ในโพรงนั้น.  พระองค์ก่อไปที่หลุม
๑. ที. สี ๙/ ๑๔๙ อัมพัฏฐสูตร.
หน้า ๓๓๖