| ถ่านเพลิงแล้วบรรทม ได้ทรงสดับเสียงร้องครวญครางและเสียงคำรามในราตรี |
| พระองค์ทรงกำหนดว่า ที่ตรงโน้นสีหะแผดเสียง ตรงโน้นเสือคำราม ครั้นสว่าง |
| จึงเสด็จไป ณ ที่นั้นทรงถือเนื้อที่เป็นเดน (ของสัตว์) ปิ้งเสวย. |
| อยู่มาวันหนึ่ง ตอนใกล้รุ่ง พระองค์ประทับนั่งตามไฟอยู่. ขณะนั้น |
| เสือโคร่งได้กลิ่นพระราชธิดา จึงตะกายที่พื้นนั้นทำให้เป็นช่องบนพื้นกระดาน. |
| พระนางทรงเห็นเสือทางช่องนั้น ทรงตกพระทัยกลัวร้องกรี๊ดจนสุดเสียง. พระ- |
| ราชาทรงสดับเสียงนั้น และทรงกำหนดว่า นั่นเป็นเสียงสตรีจึงเสด็จไป ณ ที่ |
| นั้นแต่เช้าตรู่ ตรัสถามว่า ใครอยู่ในที่นี้. พระนางตอบว่า ผู้หญิงจ้ะนาย. ตรัส |
| ว่า ออกมาเถิด. ทูลว่า ออกไปไม่ได้. ตรัสว่า เพราะอะไร. ทูลว่า ดิฉันเป็น |
| นางกษัตริย์. พระนางแม้ถูกขังอยู่ในหลุดอย่างนั้นยังมีขัตติยมานะ. พระราชา |
| รับสั่งถามเรื่องราวทั้งหมด แล้วจึงตรัสบอกพระชาติของพระองค์ว่า เราก็เป็น |
| กษัตริย์. ตรัสต่อไปว่า ออกมาเดี๋ยวนี้เถิดปรากฎดุจเนยใสใส่ลงในน้ำนม. |
| พระนางทูลว่า หม่อมฉันเป็นโรคเรื้อน ไม่อาจออกไปได้เพคะ. พระราชา |
| ตรัสว่า บัดนี้เราหัวอกอันเดียวกัน เราสามารถเยียวยาให้หาได้จึงทอดบันได |
| อุ้มพระนางขึ้นมาทรงนำไปยังที่ประทับของพระองค์ พระราชทานยาที่พระองค์ |
| เสวยด้วยพระองค์เอง ไม่ช้าก็ทำให้พระนางหายจากพระโรคมีพระฉวีดุจทองคำ. |
| พระราชาก็ทรงอยู่ร่วมกับพระนางนั้น. ด้วยการอยู่ร่วมครั้งแรกเท่านั้นพระนาง |
| ก็ทรงครรภ์ ประสูติพระโอรสสององค์ ประสูติพระโอรสครั้งละสององค์ |
| ๑๖ ครั้ง. รวมเป็นพระโอรส ๓๒ องค์ ด้วยประการฉะนี้. พระบิดาได้ให้พระ- |
| โอรสผู้เจริญวัยเหล่านั้นได้ศึกษาศิลปะทุกแขนง. |