| ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพรานป่าคนหนึ่งชาวเมืองของพระรามราชาเที่ยว |
| แสวงหารัตนะบนภูเขามาถึงถิ่นนั้น เห็นพระราชาก็จำได้ทูลว่า ข้าแต่พระองค์ |
| ข้าพระพุทธเจ้าจำพระองค์ได้พระเจ้าข้า. พระราชาตรัสถามว่า เจ้ามาจากไหน. |
| พรานทูลว่า มาจากพระนครพระเจ้าข้า. แต่นั้นพระราชาตรัสถามเรื่องราวทั้ง- |
| หมดกะเขา. เมื่อพระราชาและพรานป่าสนทนากันอยู่ พระกุมารทั้งหลายก็พา |
| กันมา. พรานป่าเห็นพระกุมารเหล่านั้นจึงถามว่า ข้าแต่พระองค์พวกเด็กเหล่านี้ |
| เป็นใครพระเจ้าข้า. พระราชาตรัสว่า บุตรของเราเอง. ทูลว่า ขอเดชะ บัดนี้ |
| พระองค์แวดล้อมแล้วด้วยพระกุมารถึง ๓๒ องค์ เหล่านี้ จักทรงทำอะไรใน |
| ป่าเล่า ขอเชิญเสด็จไปครองราชสมบัติเถิดพระเจ้าข้า. พระราชาตรัสว่า อย่า |
| เลยพ่อคุณอยู่ที่นี้ก็เป็นสุขดีแล้ว. พรานป่าคิดว่า บัดนี้เราได้เรื่องราวจากการ |
| สนทนาแล้ว จึงไปพระนครทูลพระโอรสของพระราชาให้ทรงทราบ. พระราช |
| โอรสทรงดำริว่า จะต้องนำพระบิดากลับมา จึงเสด็จไป ณ ที่นั้นพร้อมด้วยจาตุ- |
| รงคเสนา ทูลวิงวอนพระบิดาด้วยประการต่าง ๆ. พระราชาก็ทรงปฏิเสธว่า |
| อย่าเลยกุมารลูกพ่อ ที่นี่ก็เป็นสุขดีแล้ว. แต่นั้นพระราชบุตรทรงดำริว่า บัดนี้ |
| พระบิดาไม่ทรงปรารถนาจะเสด็จไป ช่างเถิดเราจะสร้างพระนครในที่นี้แหละ |
| เพื่อพระองค์ แล้วทรงถอนต้นกระเบาออกสร้างพระราชมณเฑียรแล้วสร้างพระ- |
| นคร ทรงตั้งชื่อเป็นสองอย่างคือ โกลนคร เพราะถอนต้นกระเบาออกแล้ว |
| จึงสร้าง และ พยัคฆปถะ๑ เพราะเป็นทางเสือผ่าน เสร็จแล้วเสด็จกลับ. |
| ต่อแต่นั้น พระมารดาจึงรับสั่งกะพระกุมารผู้เจริญวัยว่า นี่แน่ะลูก ๆ ทั้งหลาย |
| เจ้าศากยะอยู่กรุงกบิลพัสดุ์เป็นพระเจ้าน้าของลูก ๆ ลูกทั้งหลายจงไปรับพระ- |
|