๓๓๗    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๓๙
         ครั้นอยู่มาวันหนึ่งพรานป่าคนหนึ่งชาวเมืองของพระรามราชาเที่ยว
แสวงหารัตนะบนภูเขามาถึงถิ่นนั้น  เห็นพระราชาก็จำได้ทูลว่า  ข้าแต่พระองค์
ข้าพระพุทธเจ้าจำพระองค์ได้พระเจ้าข้า.  พระราชาตรัสถามว่า เจ้ามาจากไหน.
พรานทูลว่า  มาจากพระนครพระเจ้าข้า.  แต่นั้นพระราชาตรัสถามเรื่องราวทั้ง-
หมดกะเขา.   เมื่อพระราชาและพรานป่าสนทนากันอยู่   พระกุมารทั้งหลายก็พา
กันมา.  พรานป่าเห็นพระกุมารเหล่านั้นจึงถามว่า   ข้าแต่พระองค์พวกเด็กเหล่านี้
เป็นใครพระเจ้าข้า.  พระราชาตรัสว่า  บุตรของเราเอง.   ทูลว่า  ขอเดชะ  บัดนี้
พระองค์แวดล้อมแล้วด้วยพระกุมารถึง  ๓๒  องค์   เหล่านี้    จักทรงทำอะไรใน
ป่าเล่า   ขอเชิญเสด็จไปครองราชสมบัติเถิดพระเจ้าข้า.  พระราชาตรัสว่า   อย่า
เลยพ่อคุณอยู่ที่นี้ก็เป็นสุขดีแล้ว.   พรานป่าคิดว่า   บัดนี้เราได้เรื่องราวจากการ
สนทนาแล้ว  จึงไปพระนครทูลพระโอรสของพระราชาให้ทรงทราบ.  พระราช
โอรสทรงดำริว่า  จะต้องนำพระบิดากลับมา  จึงเสด็จไป ณ  ที่นั้นพร้อมด้วยจาตุ-
รงคเสนา   ทูลวิงวอนพระบิดาด้วยประการต่าง ๆ.  พระราชาก็ทรงปฏิเสธว่า
อย่าเลยกุมารลูกพ่อ  ที่นี่ก็เป็นสุขดีแล้ว.   แต่นั้นพระราชบุตรทรงดำริว่า  บัดนี้
พระบิดาไม่ทรงปรารถนาจะเสด็จไป    ช่างเถิดเราจะสร้างพระนครในที่นี้แหละ
เพื่อพระองค์  แล้วทรงถอนต้นกระเบาออกสร้างพระราชมณเฑียรแล้วสร้างพระ-
นคร   ทรงตั้งชื่อเป็นสองอย่างคือ   โกลนคร   เพราะถอนต้นกระเบาออกแล้ว
จึงสร้าง   และ   พยัคฆปถะ   เพราะเป็นทางเสือผ่าน     เสร็จแล้วเสด็จกลับ.
ต่อแต่นั้น     พระมารดาจึงรับสั่งกะพระกุมารผู้เจริญวัยว่า  นี่แน่ะลูก ๆ  ทั้งหลาย
เจ้าศากยะอยู่กรุงกบิลพัสดุ์เป็นพระเจ้าน้าของลูก ๆ   ลูกทั้งหลายจงไปรับพระ-
๑. ยุโรปเป็น พยัคฆปัชชะ.
หน้า ๓๓๘