๓๓    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๕
บรรลุเป็นพระอรหันต์   ในที่สุดแเห่งคาถาอันประกอบด้วยบท ๔ ผู้มีนิพเพธิก-
ญาณทัสสนะ     มีพระพาหิยทารุจีริกะเป็นต้น      และแห่งพระมหาสาวกผู้เกิด
ในสกุลใหญ่เหล่าอื่น  ด้วยว่าอริยสาวกเหล่านั้น     ยังการบริโภคนั้นให้สำเร็จอยู่
ด้วยอนุตตริยะทั้งหลายมีทัสสนานุตตริยะ   สวนานุตตริยะ.    ปาริจริยานุตตริยะ
เป็นต้น  ชื่อว่าได้บริโภคซึ่งพระตถาคตเจ้า   รัตนะที่จะเสมอด้วยพระตถาคตเจ้า
แม้เพราะอรรถว่าสัตว์ที่ไม่ต่ำทรามบริโภค  ดังนี้   ย่อมไม่มี.
         แม้รัตนะใด  ที่ชื่อว่า  รัตนะ เพราะอรรถว่าทำความยินดีให้เกิดโดยไม่
แปลกกัน   เช่นจักรรัตนะของพระเจ้าจักรพรรดิ   จริงอยู่พระเจ้าจักรพรรดิพอ
ทอดพระเนตรเห็นจักรรัตนะนั้นเท่านั้น  ก็ทรงมีพระทัยยินดี  จักรรัตนะนั้นชื่อ
ว่าทำความยินดีให้เกิดแก่พระเจ้าจักรพรรดิ   แม้อย่างนี้.
         ข้ออื่นยังมีอยู่อีก   พระเจ้าจักรพรรดิ   ทรงจับพระสุวรรณภิงคารด้วย
พระหัตถ์เบื้องซ้าย   แล้วทรงแกว่งจักรรัตนะด้วยพระหัตถ์เบื้องขวา    โดยทรง
อธิษฐานว่า     ขอจักรรัตนะจงหมุนไป     ขอให้จักรรัตนะอันประเสริฐจงได้
ชัยชนะ  ดังนี้    ต่อจากนั้น   จักรรัตนะก็เปล่งเสียงไพเราะ   ดุจดนตรีประกอบ
ด้วยองค์ห้าไปอยู่สู่ทิศตะวันออกทางอากาศ      พระเจ้าจักรพรรดิทรงติดตาม
จักรรัตนะนั้น    ซึ่งไปไม่สูงเกินไป  ไม่ต่ำเกินไป    ซึ่งไปอยู่โดยภายใต้ต้นไม้
ที่สูง ๆ  และโดยเบื้องบนแห่งต้นไม้ที่ต่ำๆ  ทั้งหลาย      พร้อมด้วยเสนาทั้ง
หลายที่ประกอบด้วยองค์ ๔    ซึ่งมีขบวนแผ่กว้างถึง ๑๒ โยชน์   ด้วยอานุภาพ
แห่งจักรรัตนะ  ทรงรับเครื่องบรรณาการ  มี  ผลไม้  ดอกไม้   และใบไม้อ่อน
เป็นต้น   ที่ต้นไม้ทั้งหลาย   และทรงรับเครื่องบรรณาการจากมือของชนทั้งหลาย
หน้า ๓๔