๓๓๙    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๔๑
ทำสะพานแย่งน้ำกัน   ด่ากันถึงชาติว่า  เจ้าพวกวายร้าย  ราชตระกูลของพวกเจ้า
สมสู่อยู่ร่วมกันกับพวกน้อง ๆ ดุจสัตว์ดิรัจฉาน  มีไก่  สุนัข   สุนัขจิ้งจอกเป็น
ต้น  ราชตระกูลของพวกเจ้าสมสู่กันที่โพรงไม้ดุจพวกปีศาจ    แล้วพากันไป
กราบทูลพระราชาของตน ๆ.    พระราชาเหล่านั้นทรงพิโรธเตรียมรบไปเผชิญ
หน้ากันที่ฝั่งแม่น้ำโรหินี.  กำลังพลได้ตั้งอยู่เช่นกับสงคราม.
         ลำดับนั้น  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า  พวกพระญาติทะเลาะกันเรา
จะต้องไปห้าม   จึงเสด็จมาทางอากาศประทับยืน  ณ  ท่ามกลางเสนาทั้งสอง.
อาจารย์บางพวกกล่าวว่า    พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรำพึงถึงพระญาติทะเลาะกัน
ได้เสด็จมาจากกรุงสาวัตถี.      ก็แลครั้นประทับยืนอยู่ได้ตรัสอัตตทัณฑสูตร.
กษัตริย์ทั้งหมดครั้นทรงสดับดังนั้นทรงเกิดความสังเวช     ทิ้งอาวุธพากันยืน
นมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า   และรับสั่งให้ปูอาสนะอันสูงกว่า.    พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าเสด็จลงมาประทับนั่ง ณ อาสนะที่เขาปูไว้     ตรัสผันทนชาดกมีอาทิว่า
กุ€ารีหตฺโถ  ปุริโส  แปลว่า  บุรุษ  ถือ  ผึ่ง,  ตรัส  ลฏุกิกชาดก  มีอาทิว่า
วนฺทามิ   ตํ  กุญฺชรํ  แปลว่า  ข้าพเจ้าขอไหว้กุญชรนั้นและตรัส  วัฏฏกชาดกนี้ว่า
                สมฺโมทมานา  คจฺฉนฺติ  ชาลมาทาย  ปกฺขิโน
                ยทา  เต  วิวทิสฺสนฺติ    ตทา  เอหินฺติ  เมวสํ.
                        นกทั้งหลายพร้อมใจกัน   ย่อมพาตา-
                ข่ายไปได้ เมื่อใดพวกมันทะเลาะกัน   เมื่อนั้น
                มันจะอยู่ในอำนาจของเรา. ดังนี้.
หน้า ๓๔๐