| ทำสะพานแย่งน้ำกัน ด่ากันถึงชาติว่า เจ้าพวกวายร้าย ราชตระกูลของพวกเจ้า |
| สมสู่อยู่ร่วมกันกับพวกน้อง ๆ ดุจสัตว์ดิรัจฉาน มีไก่ สุนัข สุนัขจิ้งจอกเป็น |
| ต้น ราชตระกูลของพวกเจ้าสมสู่กันที่โพรงไม้ดุจพวกปีศาจ แล้วพากันไป |
| กราบทูลพระราชาของตน ๆ. พระราชาเหล่านั้นทรงพิโรธเตรียมรบไปเผชิญ |
| หน้ากันที่ฝั่งแม่น้ำโรหินี. กำลังพลได้ตั้งอยู่เช่นกับสงคราม. |
| ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า พวกพระญาติทะเลาะกันเรา |
| จะต้องไปห้าม จึงเสด็จมาทางอากาศประทับยืน ณ ท่ามกลางเสนาทั้งสอง. |
| อาจารย์บางพวกกล่าวว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรำพึงถึงพระญาติทะเลาะกัน |
| ได้เสด็จมาจากกรุงสาวัตถี. ก็แลครั้นประทับยืนอยู่ได้ตรัสอัตตทัณฑสูตร. |
| กษัตริย์ทั้งหมดครั้นทรงสดับดังนั้นทรงเกิดความสังเวช ทิ้งอาวุธพากันยืน |
| นมัสการพระผู้มีพระภาคเจ้า และรับสั่งให้ปูอาสนะอันสูงกว่า. พระผู้มีพระ- |
| ภาคเจ้าเสด็จลงมาประทับนั่ง ณ อาสนะที่เขาปูไว้ ตรัสผันทนชาดกมีอาทิว่า |
| กุารีหตฺโถ ปุริโส แปลว่า บุรุษ ถือ ผึ่ง, ตรัส ลฏุกิกชาดก มีอาทิว่า |
| วนฺทามิ ตํ กุญฺชรํ แปลว่า ข้าพเจ้าขอไหว้กุญชรนั้นและตรัส วัฏฏกชาดกนี้ว่า |
| สมฺโมทมานา คจฺฉนฺติ ชาลมาทาย ปกฺขิโน |
| ยทา เต วิวทิสฺสนฺติ ตทา เอหินฺติ เมวสํ. |
| นกทั้งหลายพร้อมใจกัน ย่อมพาตา- |
| ข่ายไปได้ เมื่อใดพวกมันทะเลาะกัน เมื่อนั้น |
| มันจะอยู่ในอำนาจของเรา. ดังนี้. |