๓๔๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๔๓
นี้หงส์   นี่นกกะเรียน   นี้นกจากพราก    นี้นกการเวก    นี้นกงวงช้าง    นี้นก
นางนวล.    ภิกษุทั้งหลายมีความสงสัยเมื่อเห็นสัตว์เหล่านั้น     ได้เห็นนกดุเหว่า
ที่มาทีหลังนกทั้งหมด  แวดล้อมด้วยนางนกพันตัว  จับกลางไม้ที่นางนกสองตัว
เอาจะงอยปากคาบพาไป   เกิดอัศจรรย์ใจที่ไม่เคยมีมา   จึงกราบทูลถามพระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ   แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ทรงเคยเป็น
พญานกดุเหว่าอยู่ในที่นี้มิใช่หรือ.  ตรัสว่า  ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย  ถูกแล้ว   เรา
ได้สร้างวงศ์นกดุเหว่าขึ้นมา    ตรัสมหากุณาลชาดกครบครันว่า   ก็ในอดีตกาล
เราทั้งสี่อาศัยอยู่  ณ  ที่นี้   คือ  นารท  ๑  เทวิละ  ๑  เป็นฤษี  พญาแร้ง   ชื่อ
อานันทะ ๑  เราเป็นนกดุเหว่าสีเหลืองชื่อปุณณมุขะ  ๑.   ครั้นภิกษุเหล่านั้นฟัง
แล้ว   ความกระสันที่เกิดขึ้นเนื่องจากภรรยาเก่าของภิกษุเหล่านั้นก็สงบลง.  แต่
นั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสสัจกถาแด่ภิกษุเหล่านั้น    เมื่อจบสัจกถา    ภิกษุ
รูปที่บวชภายหลังได้เป็นพระโสดาบัน     รูปที่บวชก่อนทั้งหมดได้เป็นพระ-
อนาคามี   ไม่มีที่เป็นปุถุชน   หรือพระอรหันต์แม้แต่รูปเดียว    แต่นั้นพระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงพาภิกษุเหล่านั้นขึ้นสู่ป่ามหาวันอีกครั้ง.   อนึ่ง   ภิกษุเหล่านั้น
เมื่อมาก็มาด้วยฤทธิ์ของตน     ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมแก่
ภิกษุเหล่านั้นอีก  เพื่อประโยชน์แก่มรรคชั้นสูงขึ้นไป.  ภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านั้น
เจริญวิปัสสนา    ตั้งอยู่ในอรหัตผล.    ภิกษุที่บรรลุก่อนได้ไปก่อนทีเดียวด้วย
คิดว่า เราจักกราบทูลแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.  ก็ครั้นภิกษุนั้นมาถึงแล้ว  จึงกราบ
ทูลว่า  ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า   ข้าพระองค์ย่อมยินดียิ่ง  ไม่กระสันอยู่   ดังนี้
แล้ว    ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า   นั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง.   ภิกษุเหล่านั้น
ทั้งหมดมาถึงโดยลำดับ  นั่งแวดล้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า.
หน้า ๓๔๒