| ในวันอุโบสถเดือนเจ็ดตอนเย็น เทวดาในหมื่นจักรวาลยกเว้นจำพวก |
| อสัญญีสัตว์และอรูปพรหม ต่างนิรมิตอัตภาพละเอียด ตามนัยที่กล่าวแล้วใน |
| อรรถกถามงคลสูตร พากันแวดล้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า ซึ่งประทับนั่ง ณ |
| วรพุทธาสนะอันพระขีณาสพ ๕๐๐ แวดล้อมแล้ว คิดว่า เราจักฟังพระธรรม |
| เทศนาอันวิจิตรเฉียบแหลม. บรรดาพรหมเหล่านั้น พรหมผู้เป็นขีณาสพ |
| ๔ องค์ ออกจากสมาบัติไม่เห็นหมู่พรหม รำพึงว่า พวกพรหมไปไหนกันหมด |
| ครั้นทรามความนั้นแล้วจึงมาทีหลัง เมื่อไม่ได้โอกาสในป่ามหาวัน จึงยืนอยู่ |
| บนยอดจักรวาล ได้กล่าวปัจเจกคาถาทั้งหลาย ดังที่ท่านกล่าวไว้ดังต่อไปนี้. |
| ครั้งนั้นแล เทวดาชั้นสุทธาวาสสี่องค์ได้คิดกันว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า |
| นี้แล ประทับอยู่ ณ ป่ามหาวันใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ ในแคว้นสักกะพร้อมด้วย |
| ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ ทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์ อนึ่ง เทวดา |
| ทั้งหลายจากโลกธาตุสิบโดยมากมาประชุมกัน เพื่อเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าและ |
| ภิกษุสงฆ์ ถ้ากระไรแม้เราก็พึงเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้น |
| เข้าไปเฝ้าแล้ว พึงกล่าวปัจเจกคาถาในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า. ทั้งหมด |
| พึงทราบโดยนัยที่กล่าวแล้วในสัคควรรคนั้นแล. ก็ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว |
| พรหมองค์หนึ่ง ณ ที่นั้นได้โอกาสบนยอดจักรวาลด้านทิศตะวันออก |
| ประดิษฐานอยู่บนยอดจักรวาลนั้น ได้กล่าวคาถานี้ว่า มหาสมโย ปวนสฺมึ |
| ฯเปฯ ทกฺขิตาเยว อปราชิตสงฺฆํ ความว่า วันนี้เป็นมหาสมัยในป่าใหญ่ |
| หมู่เทวดามาประชุมกัน เรามาสู่ธรรมสมัยนี้ เพื่อจะเห็นพระพุทธเจ้าและพระ- |
| สงฆ์ผู้ชนะมารแล้ว เมื่อพรหมนั้นกล่าวคาถานี้ พวกพรหมที่ประดิษฐานอยู่ ณ |