๓๔๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๔๔
         ในวันอุโบสถเดือนเจ็ดตอนเย็น  เทวดาในหมื่นจักรวาลยกเว้นจำพวก
อสัญญีสัตว์และอรูปพรหม    ต่างนิรมิตอัตภาพละเอียด   ตามนัยที่กล่าวแล้วใน
อรรถกถามงคลสูตร    พากันแวดล้อมพระผู้มีพระภาคเจ้า    ซึ่งประทับนั่ง   ณ
วรพุทธาสนะอันพระขีณาสพ  ๕๐๐ แวดล้อมแล้ว   คิดว่า   เราจักฟังพระธรรม
เทศนาอันวิจิตรเฉียบแหลม.    บรรดาพรหมเหล่านั้น     พรหมผู้เป็นขีณาสพ
๔   องค์  ออกจากสมาบัติไม่เห็นหมู่พรหม  รำพึงว่า  พวกพรหมไปไหนกันหมด
ครั้นทรามความนั้นแล้วจึงมาทีหลัง    เมื่อไม่ได้โอกาสในป่ามหาวัน   จึงยืนอยู่
บนยอดจักรวาล   ได้กล่าวปัจเจกคาถาทั้งหลาย  ดังที่ท่านกล่าวไว้ดังต่อไปนี้.
         ครั้งนั้นแล  เทวดาชั้นสุทธาวาสสี่องค์ได้คิดกันว่า  พระผู้มีพระภาคเจ้า
นี้แล  ประทับอยู่   ณ   ป่ามหาวันใกล้กรุงกบิลพัสดุ์  ในแคว้นสักกะพร้อมด้วย
ภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ  ๕๐๐  ทั้งหมดล้วนเป็นพระอรหันต์  อนึ่ง  เทวดา
ทั้งหลายจากโลกธาตุสิบโดยมากมาประชุมกัน   เพื่อเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าและ
ภิกษุสงฆ์    ถ้ากระไรแม้เราก็พึงเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ    ครั้น
เข้าไปเฝ้าแล้ว   พึงกล่าวปัจเจกคาถาในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า.   ทั้งหมด
พึงทราบโดยนัยที่กล่าวแล้วในสัคควรรคนั้นแล.     ก็ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว
พรหมองค์หนึ่ง  ณ  ที่นั้นได้โอกาสบนยอดจักรวาลด้านทิศตะวันออก
ประดิษฐานอยู่บนยอดจักรวาลนั้น   ได้กล่าวคาถานี้ว่า   มหาสมโย  ปวนสฺมึ
ฯเปฯ    ทกฺขิตาเยว  อปราชิตสงฺฆํ  ความว่า  วันนี้เป็นมหาสมัยในป่าใหญ่
หมู่เทวดามาประชุมกัน   เรามาสู่ธรรมสมัยนี้  เพื่อจะเห็นพระพุทธเจ้าและพระ-
สงฆ์ผู้ชนะมารแล้ว  เมื่อพรหมนั้นกล่าวคาถานี้  พวกพรหมที่ประดิษฐานอยู่ ณ
หน้า ๓๔๓