| มีฌานเป็นบาท ครั้นทรงออกจากฌานแล้ว ทรงปรับปรุงด้วยมโนมยิทธิ ทรง |
| เนรมิตพระพุทธนิมิต. พระพุทธนิมิตได้ปรากฏพร้อมด้วยจิตอธิษฐานว่า ขอ |
| จงสมบูรณ์ด้วยลักษณะแห่งอวัยวะน้อยใหญ่ทั้งหมด ทรงบาตรและจีวร ถึง |
| พร้อมด้วยการมองดูและการเหลียวดูเป็นต้น. พระพุทธนิมิตนั้น เสด็จมาจาก |
| ปาจีนโลกธาตุประทับนั่งบนอาสนะเสมอพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้า |
| ตรัสพระสูตร ๖ พระสูตร ด้วยสามารถจริตในสมาคมนี้ คือ ปุราเภทสูตร ๑ |
| กลหวิวาทสูตร ๑ จูฬพยูหสูตร ๑ มหาพยูหสูตร ๑ ตุวฏกสูตร ๑ และสัมมา- |
| ปริพพาชนิยสูตรนี้แหละ ๑. บรรดาสูตรเหล่านั้น พระพุทธนิมิตเมื่อจะถาม |
| ปัญหาเนื้อความเป็นไปแห่งสูตรนี้ อันควรกล่าวถึงสัปปายะแห่งพวกเทวดาที่ |
| เป็นราคจริต จึงกล่าวคาถานี้มีคำเริ่มต้นว่า ปุจฺฉามิ มุนึ ปหุตปญฺํ ดังนี้. |
| ในบทเหล่านั้น บทว่า ปหุตปญฺํ คือมีปัญญามาก. บทว่า ติณฺณํ |
| ได้แก่ ผู้ข้ามโอฆะสี่ได้แล้ว. บทว่า ปารคตํ ได้แก่ ผู้ถึงพระนิพพานแล้ว. |
| บทว่า ปรินิพฺพุตํ ได้แก่ ปรินิพพานแล้วด้วยสอุปาทิเสสนิพพาน. บทว่า |
| ิตตฺตํ ได้แก่ มีจิตไม่หวั่นไหวด้วยโลกธรรมทั้งหลาย. บทว่า นิกฺขมฺม |
| ฆรา ปนุชุช กาเม ได้แก่ บรรเทาวัตถุกามทั้งหลายออกจากการครองเรือน |
| แล้ว. บทว่า กตํ ภิกฺขุ สมฺมา โส โลเก ปริพฺพเชยฺย ความว่า |
| ภิกษุนั้นพึงเว้นคือพึงไป พึงอยู่โดยชอบในโลกอย่างไร ท่านอธิบายว่าเป็นผู้ |
| ไม่พัวพันด้วยโลก ล่วงโลกไปได้. บทที่เหลือในสูตรนี้มีนัยดังได้กล่าวไว้แล้ว |
| นั้นแล. |
| ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภว่า เพราะผู้ที่ยังไม่ถึงความ |
| สิ้นอาสวะ จะชื่อว่าเว้นรอบโดยชอบไม่มี ฉะนั้น เมื่อพระองค์ทรงกำหนดประ |
| ชุมแห่งภัพพบุคคล ด้วยสามารถแห่งจริตมีราคจริตเป็นต้น ในภิกษุนั้น จึง |