| พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่ ๒. |
| บทว่า ราคํ วินเยถ มานุเสสุ ทิพฺเพสุ กาเมสุจาปิ ภิกฺขุ |
| ความว่า ภิกษุนำความกำหนัดในกามคุณทั้งหลายทั้งที่เป็นของมนุษย์ ทั้งที่เป็น |
| ของทิพย์ ไม่ให้เกิดขึ้นอีกด้วยอนาคามิมรรค. บทว่า อติกฺกมฺม ภวํ สเมจฺจ |
| ธมฺมํ ความว่า ภิกษุนำความกำหนัดออกได้แล้ว ต่อจากนั้นยังการตรัสรู้ |
| ด้วยการกำหนดรู้ให้สำเร็จโดยประการทั้งปวง ด้วยอรหัตมรรค ตรัสรู้ธรรม |
| แล้ว ก้าวล่วงภพทั้งสามด้วยปฏิปทานี้ได้แล้ว. บทว่า สมฺมา โส ได้แก่ |
| ภิกษุแม้นั้นพึงเว้นโดยชอบในโลก. |
| พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่ ๓. |
| บทว่า อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน คือ มีราคะและโทสะอันละเสียได้ |
| ด้วยวัตถุกามทุกอย่าง. บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั้นแล. อนึ่ง ในทุก ๆ คาถา |
| พึงประกอบบทว่า โสปิ ภิกฺขุ สมฺมา โลเก ปริพฺพเชยฺย ความว่า |
| ภิกษุแม้นั้นพึงเว้น โดยชอบในโลกดังนี้. เพราะต่อจากนี้ไปเราจะไม่กล่าวถึงบท |
| ประกอบ จักกล่าวนัยที่ยังไม่ได้กล่าวไว้เท่านั้น. |
| พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่ ๔. |
| พึงทราบสิ่งอันเป็นที่รักและไม่เป็นที่รักสองอย่าง ด้วยสามารถสัตว์ |
| และสังขาร. ในบทเหล่านั้น บทว่า ฉนฺทราคปฏิฆปฺปหาเนน หิตฺวา |
| อนุปาทาย ได้แก่ ไม่ยึดถือธรรมไร ๆ ด้วยอุปาทาน ๔. บทว่า อนิสฺสิโต |
| กุหิญฺจิ ได้แก่ อันตัณหานิสัย ๑๐๘ และทิฏฐินิสัย ๖๒ ไม่อาศัยแล้วในภพ |
| ไหน ๆ หรือในภพมีรูปภพเป็นต้น. บทว่า สํโยชนิเยหิ วิปฺปมุตฺโต |