๓๔๗    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๔๙
         พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่  ๒.
         บทว่า  ราคํ  วินเยถ  มานุเสสุ   ทิพฺเพสุ  กาเมสุจาปิ   ภิกฺขุ
ความว่า  ภิกษุนำความกำหนัดในกามคุณทั้งหลายทั้งที่เป็นของมนุษย์  ทั้งที่เป็น
ของทิพย์   ไม่ให้เกิดขึ้นอีกด้วยอนาคามิมรรค.  บทว่า อติกฺกมฺม  ภวํ  สเมจฺจ
ธมฺมํ    ความว่า    ภิกษุนำความกำหนัดออกได้แล้ว     ต่อจากนั้นยังการตรัสรู้
ด้วยการกำหนดรู้ให้สำเร็จโดยประการทั้งปวง    ด้วยอรหัตมรรค    ตรัสรู้ธรรม
แล้ว   ก้าวล่วงภพทั้งสามด้วยปฏิปทานี้ได้แล้ว.  บทว่า   สมฺมา  โส   ได้แก่
ภิกษุแม้นั้นพึงเว้นโดยชอบในโลก.
         พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่  ๓.
         บทว่า   อนุโรธวิโรธวิปฺปหีโน  คือ  มีราคะและโทสะอันละเสียได้
ด้วยวัตถุกามทุกอย่าง. บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั้นแล.  อนึ่ง  ในทุก ๆ คาถา
พึงประกอบบทว่า  โสปิ  ภิกฺขุ   สมฺมา   โลเก   ปริพฺพเชยฺย   ความว่า
ภิกษุแม้นั้นพึงเว้น โดยชอบในโลกดังนี้.  เพราะต่อจากนี้ไปเราจะไม่กล่าวถึงบท
ประกอบ  จักกล่าวนัยที่ยังไม่ได้กล่าวไว้เท่านั้น.
         พึงทราบวินิจฉัยในคาถาที่   ๔.
         พึงทราบสิ่งอันเป็นที่รักและไม่เป็นที่รักสองอย่าง     ด้วยสามารถสัตว์
และสังขาร.  ในบทเหล่านั้น    บทว่า   ฉนฺทราคปฏิฆปฺปหาเนน   หิตฺวา
อนุปาทาย  ได้แก่  ไม่ยึดถือธรรมไร ๆ ด้วยอุปาทาน ๔. บทว่า อนิสฺสิโต
กุหิญฺจิ  ได้แก่  อันตัณหานิสัย   ๑๐๘   และทิฏฐินิสัย  ๖๒ ไม่อาศัยแล้วในภพ
ไหน ๆ  หรือในภพมีรูปภพเป็นต้น.   บทว่า    สํโยชนิเยหิ    วิปฺปมุตฺโต
หน้า ๓๔๘