๓๖๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๖๘
อันกลมกล่อม.  เวสวัณเทพบุตรหยุดยาน  ณ  ที่นั้นเองได้ยินเสียงทั้งหมด   ตั้งแต่
อุบาสิกาได้สาธยายบทสรุปว่า  อิทมโวจ  ภควา มคเธสุ  วิหรนฺโต  ปาสาณเก
เจติเย   ปริจารกโสฬสนฺนํ   พฺราหฺมณานํ   ความว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ประทับอยู่ ณ  ปาสาณกเจดีย์ใกล้แคว้นมคธได้ตรัสพระสูตรนี้แก่พราหมณ์ผู้เป็น
อุปัฏฐาก ๑๖ คน  เมื่อจบวรรคสุดท้ายได้ประคองอัญชลีเช่นกับกลองทองซ้อง
สาธุการว่า  สาธุ  สาธุ  น้องหญิง.   นางถามว่าใครอยู่ที่นั้น.   เวสวัณเทพบุตร
ตอบว่า    เรา  เวสวัณเทพบุตร  น้องหญิง.  นัยว่าอุบาสิกาได้เป็นโสดาบันก่อน
เวสวัณได้เป็นภายหลัง.     เวสวัณเทพบุตรนั้นร้องเรียกอุบาสิกานั้นด้วยวาทะว่า
น้องหญิง หมายถึงความเป็นผู้ร่วมต้องกันมา. โดยธรรมดา  อุบาสิกากล่าวว่า  พี่
ชายผู้มีหน้าอันเจริญ    บัดนี้ถึงเวลาแล้ว.  เวสวัณกล่าวว่า  น้องหญิง  เราเลื่อมใส
ท่าน  เราขอแสดงอาการเลื่อมใสท่าน.  อุบาสิกากล่าวว่า  ท่านผู้มีหน้าอันเจริญ
ถ้าเช่นนั้น    พวกกรรมกรไม่สามารถนำข้าวสาลีที่เก็บเกี่ยวได้แล้วมาได้    ขอให้
ท่านสั่งบริษัทของท่านให้นำมาเถิด.   เวสวัณรับว่า  ดีแล้วน้องหญิง   จึงสั่งพวก
ยักษ์.   พวกยักษ์นำข้าวสาลีใส่ฉาง   ๑,๓๕๐ ฉางจนเต็ม.   ตั้งแต่นั้นมาฉางก็มิได้
พร่องเลย.  จึงได้เป็นแบบอย่างขึ้นในโลกว่า  เหมือนฉางของนันทมารดา.  เวส-
วัณเทพบุตรใส่ข้าวสาลีจนเต็มฉาง  แล้วก็เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า  พระผู้มี
พระภาคเจ้าตรัสว่า  ท่านมาผิดเวลา  จึงกราบทูลเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบ  ด้วย
เหตุนี้   เวสวัณเทพบุตรอยู่ในภพจาตุมมหาราชิกาแม้ใกล้  จึงมาถึงภายหลัง  ส่วน
เอราวัณเทพบุตรไม่มีกิจไร ๆ  ที่จะต้องทำในระหว่าง   ฉะนั้นเอราวัณเทพบุตร
จึงมาก่อน   ส่วนอุบาสกนี้เป็นอนาคามี    ตามปรกติบริโภคอาหารมื้อเดียวก็จริง
ถึงดังนั้นขณะนั้นเป็นวันอุโบสถ  เขาจึงต้องอธิษฐานองค์อุโบสถตอนเย็นนุ่งห่ม
หน้า ๓๖๗