| อันกลมกล่อม. เวสวัณเทพบุตรหยุดยาน ณ ที่นั้นเองได้ยินเสียงทั้งหมด ตั้งแต่ |
| อุบาสิกาได้สาธยายบทสรุปว่า อิทมโวจ ภควา มคเธสุ วิหรนฺโต ปาสาณเก |
| เจติเย ปริจารกโสฬสนฺนํ พฺราหฺมณานํ ความว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า |
| ประทับอยู่ ณ ปาสาณกเจดีย์ใกล้แคว้นมคธได้ตรัสพระสูตรนี้แก่พราหมณ์ผู้เป็น |
| อุปัฏฐาก ๑๖ คน เมื่อจบวรรคสุดท้ายได้ประคองอัญชลีเช่นกับกลองทองซ้อง |
| สาธุการว่า สาธุ สาธุ น้องหญิง. นางถามว่าใครอยู่ที่นั้น. เวสวัณเทพบุตร |
| ตอบว่า เรา เวสวัณเทพบุตร น้องหญิง. นัยว่าอุบาสิกาได้เป็นโสดาบันก่อน |
| เวสวัณได้เป็นภายหลัง. เวสวัณเทพบุตรนั้นร้องเรียกอุบาสิกานั้นด้วยวาทะว่า |
| น้องหญิง หมายถึงความเป็นผู้ร่วมต้องกันมา. โดยธรรมดา อุบาสิกากล่าวว่า พี่ |
| ชายผู้มีหน้าอันเจริญ บัดนี้ถึงเวลาแล้ว. เวสวัณกล่าวว่า น้องหญิง เราเลื่อมใส |
| ท่าน เราขอแสดงอาการเลื่อมใสท่าน. อุบาสิกากล่าวว่า ท่านผู้มีหน้าอันเจริญ |
| ถ้าเช่นนั้น พวกกรรมกรไม่สามารถนำข้าวสาลีที่เก็บเกี่ยวได้แล้วมาได้ ขอให้ |
| ท่านสั่งบริษัทของท่านให้นำมาเถิด. เวสวัณรับว่า ดีแล้วน้องหญิง จึงสั่งพวก |
| ยักษ์. พวกยักษ์นำข้าวสาลีใส่ฉาง ๑,๓๕๐ ฉางจนเต็ม. ตั้งแต่นั้นมาฉางก็มิได้ |
| พร่องเลย. จึงได้เป็นแบบอย่างขึ้นในโลกว่า เหมือนฉางของนันทมารดา. เวส- |
| วัณเทพบุตรใส่ข้าวสาลีจนเต็มฉาง แล้วก็เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า พระผู้มี |
| พระภาคเจ้าตรัสว่า ท่านมาผิดเวลา จึงกราบทูลเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบ ด้วย |
| เหตุนี้ เวสวัณเทพบุตรอยู่ในภพจาตุมมหาราชิกาแม้ใกล้ จึงมาถึงภายหลัง ส่วน |
| เอราวัณเทพบุตรไม่มีกิจไร ๆ ที่จะต้องทำในระหว่าง ฉะนั้นเอราวัณเทพบุตร |
| จึงมาก่อน ส่วนอุบาสกนี้เป็นอนาคามี ตามปรกติบริโภคอาหารมื้อเดียวก็จริง |
| ถึงดังนั้นขณะนั้นเป็นวันอุโบสถ เขาจึงต้องอธิษฐานองค์อุโบสถตอนเย็นนุ่งห่ม |