๓๖๗    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๖๙
ผ้าอย่างดี  แวดล้อมด้วยอุบาสก  ๕๐๐ ไปยังพระเชตวันสดับพระธรรมเทศนาแล้ว
มาเรือนของตน   บอกธรรมของอุบาสกมีสรณะ   ศีล  และอานิสงส์ของอุโบสถ
เป็นต้น   ของตนแก่อุบาสกเหล่านั้นแล้วจึงกลับ  ที่เรือนของอุบาสกเหล่านั้นและ
ของธรรมิกอุบาสก  มีเตียงที่เป็นกัปปิยยะ  ๕๐๐  เตียง    มีเท้าประมาณศอกกำตั้ง
ไว้ในห้องเฉพาะตน,     อุบาสกเหล่านั้นเข้าห้องของตน ๆ นั่งเข้าสมาบัติ     แม้
ธรรมิกอุบาสกก็ได้ทำอย่างนั้นเหมือนกัน      ก็สมัยนั้นในกรุงสาวัตถีมีตระกูล
ห้าล้านเจ็ดแสนอาศัยอยู่      เมื่อนับจำนวนคนก็มี  ๑๘  โกฏิ    ด้วยเหตุนั้นใน
ปฐมยาม   กรุงสาวัตถีมีเสียงช้างม้าคนและกลองเป็นต้น      เป็นเสียงเดียวกันดุจ
มหาสมุทร  ในระหว่างมัชฌิมยาม   เสียงนั้นก็สงบลง  ในกาลนั้น  อุบาสกออก
จากสมาบัติ   รำลึกถึงคุณความดีของตนแล้วคิดว่า   เราอยู่เป็นสุขด้วยมรรคสุข
ผสสุขอันใด สุขนี้เราได้เพราะอาศัยใคร  รู้ว่าเพราะอาศัยพระผู้มีพระภาคเจ้า  จึง
มีจิตเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า   รำพึงต่อไปว่า    บัดนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า
ประทับอยู่ที่ไหน    เห็นเอราวัณเทพบุตรและเวสวัณเทพบุตร    ด้วยทิพยจักษุ
แล้วฟังพระธรรมเทศนาด้วยทิพยโสต     ทราบว่าเทพบุตรทั้งสองเหล่านั้นมีจิต
เลื่อมใส   ด้วยเจโตปริยญาณ   จึงคิดว่า   ถ้ากระไรแม้เราก็ควรจะถามปฏิปทา
อันเป็นประโยชน์ทั้งสองกะพระผู้มีพระภาคเจ้า  เพราะฉะนั้น  อุบาสกนั้นแม้อยู่
ในนครเดียวกันก็มาถึงทีหลัง    ทั้งได้รู้การมาของเทพบุตรเหล่านั้นด้วยประการ
ฉะนี้  ด้วยเหตุนั้นธรรมิกอุบาสกจึงกล่าวว่า  อคจฺฉิ  เต   สนฺติเก  นาคราชา
ฯเปฯ   โส  จาปิ  สุตฺวาน  ปตีตรูโป  พญาช้างได้ไปในสำนักของพระองค์
ฯลฯ  พญาช้างนั้นได้ฟังแล้วก็ซ้องสาธุการชื่นชม.
หน้า ๓๖๘