| ผ้าอย่างดี แวดล้อมด้วยอุบาสก ๕๐๐ ไปยังพระเชตวันสดับพระธรรมเทศนาแล้ว |
| มาเรือนของตน บอกธรรมของอุบาสกมีสรณะ ศีล และอานิสงส์ของอุโบสถ |
| เป็นต้น ของตนแก่อุบาสกเหล่านั้นแล้วจึงกลับ ที่เรือนของอุบาสกเหล่านั้นและ |
| ของธรรมิกอุบาสก มีเตียงที่เป็นกัปปิยยะ ๕๐๐ เตียง มีเท้าประมาณศอกกำตั้ง |
| ไว้ในห้องเฉพาะตน, อุบาสกเหล่านั้นเข้าห้องของตน ๆ นั่งเข้าสมาบัติ แม้ |
| ธรรมิกอุบาสกก็ได้ทำอย่างนั้นเหมือนกัน ก็สมัยนั้นในกรุงสาวัตถีมีตระกูล |
| ห้าล้านเจ็ดแสนอาศัยอยู่ เมื่อนับจำนวนคนก็มี ๑๘ โกฏิ ด้วยเหตุนั้นใน |
| ปฐมยาม กรุงสาวัตถีมีเสียงช้างม้าคนและกลองเป็นต้น เป็นเสียงเดียวกันดุจ |
| มหาสมุทร ในระหว่างมัชฌิมยาม เสียงนั้นก็สงบลง ในกาลนั้น อุบาสกออก |
| จากสมาบัติ รำลึกถึงคุณความดีของตนแล้วคิดว่า เราอยู่เป็นสุขด้วยมรรคสุข |
| ผสสุขอันใด สุขนี้เราได้เพราะอาศัยใคร รู้ว่าเพราะอาศัยพระผู้มีพระภาคเจ้า จึง |
| มีจิตเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้า รำพึงต่อไปว่า บัดนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า |
| ประทับอยู่ที่ไหน เห็นเอราวัณเทพบุตรและเวสวัณเทพบุตร ด้วยทิพยจักษุ |
| แล้วฟังพระธรรมเทศนาด้วยทิพยโสต ทราบว่าเทพบุตรทั้งสองเหล่านั้นมีจิต |
| เลื่อมใส ด้วยเจโตปริยญาณ จึงคิดว่า ถ้ากระไรแม้เราก็ควรจะถามปฏิปทา |
| อันเป็นประโยชน์ทั้งสองกะพระผู้มีพระภาคเจ้า เพราะฉะนั้น อุบาสกนั้นแม้อยู่ |
| ในนครเดียวกันก็มาถึงทีหลัง ทั้งได้รู้การมาของเทพบุตรเหล่านั้นด้วยประการ |
| ฉะนี้ ด้วยเหตุนั้นธรรมิกอุบาสกจึงกล่าวว่า อคจฺฉิ เต สนฺติเก นาคราชา |
| ฯเปฯ โส จาปิ สุตฺวาน ปตีตรูโป พญาช้างได้ไปในสำนักของพระองค์ |
| ฯลฯ พญาช้างนั้นได้ฟังแล้วก็ซ้องสาธุการชื่นชม. |