๓๖๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๗๐
         บัดนี้ธรรมิกอุบาสกเมื่อจะสรรเสริญพระผู้มีพระภาคเจ้า  ให้เลอเลิศขึ้น
ไปกว่าสมณพราหมณ์   ที่โลกสมมติในภายนอกศาสนานี้    จึงกล่าวสองคาถาว่า
เย  เกจิเม  ดังนี้เป็นต้น.
         ในบทเหล่านั้นบทว่า  ติตฺถิยา  ได้แก่ ชนทั้งหลายผู้เกิดในลัทธินอก
พระศาสนาซึ่งเจ้าลัทธิ ๓ คือ นันทะ  วัจฉะและสังกิจฉะเป็นผู้ตั้งขึ้น  ศาสดาทั้ง
๖  มีปูรณกัสสปเป็นต้นบวชแล้วในศาสนาของเจ้าลัทธิเหล่านั้น  ในศาสดาทั้ง ๖
นั้น   นิครนถ์นาฎบุตร  อาชีวกนอกนั้น    ธรรมิกอุบาสก  เมื่อจะแสดงถึงคนทั้ง
หมดเหล่านั้น    จึงกล่าวว่า  เย  เกจิเม  วาทสีลา   แปลว่า  บุคคลเหล่าใดเหล่า
หนึ่งผู้มีปกติกระทำวาทะ  ดังนี้.   พวกเจ้าลัทธิมีปรกติทำวาทะอย่างนี้ว่า   เรา
เป็นผู้ปฏิบัติชอบ   ผู้อื่น  ปฏิบัติผิด   เที่ยวพูดทิ่มแทงชาวโลกด้วยหอกคือปาก.
บทว่า อาชีวกา  วา  ได้แก่  ธรรมิกอุบาสกแสดงทำลายทิฏฐิที่ตนยกขึ้นแสดง
รวมกันของบุคคลเหล่านั้น.
         บทว่า  นาติตรนฺติ  คือไม่เดิน.   บทว่า  สพฺเพ  ความว่าธรรมิก-
อุบาสกกล่าวรวมถึงสาวกเดียรถีย์เป็นต้นเหล่าอื่นด้วย.   บทว่า   €ิโต  วชนฺตํ
วิย ความว่า  เหมือนคนอ่อนแอยืนอยู่กับที่ไม่พึงเกินคนเดินเร็ว   ซึ่งกำลังเดิน
อยู่ได้ฉันใด  ชนทั้งหลายเหล่านั้นเพราะไม่มีคติคือปัญญาหยุดอยู่  ไม่สามารถจะ
รู้ประเภทของเนื้อความนั้นๆ ได้ ย่อมไม่เกินพระผู้มีพระภาคเจ้า  ผู้มีพระปัญญา
ไว้ยิ่งนักฉันนั้น.
         บทว่า  พฺราหฺมณา วาทสีลา  วุฑฺฒา  วา  ธรรมิกอุบาสกแสดงถึง
จังกีพราหมณ์   ตารุกขพราหมณ์   โปกขรสาติพราหมณ์   ชาณุสโสณิพราหมณ์
เป็นต้น ด้วยคำเพียงเท่านี้.  ด้วยบทนี้ว่า   อปิ   พฺราหฺมณา  สนฺติ  เกจิ  ได้
แก่ พวกพราหมณ์กลางคนบ้าง  หนุ่มบ้างอย่างเดียวมีอยู่. ธรรมิกอุบาสก  แสดง
หน้า ๓๖๙