๓๖๙    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๗๑
ถึง  อัสสลายนมาณพ  วาสิฎฐมาณพ อันพัฏฐมาณพ  และอุตตรมาณพเป็นต้น
ด้วยบทว่า เกจิ. บทว่า อตฺถพทฺธา ได้แก่ชนทั้งหลายเป็นผู้เนื่องด้วยประโยชน์
คือเป็นผู้ผูกพันด้วยประโยชน์อย่างที่ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า  พึงพยากรณ์ปัญหา
นี้  คือแก้ความสงสัยนี้ได้บ้างไหมหนอ.  บทว่า เย  จาปิ  อญฺเ  ธรรมิกอุบาสก
แสดงว่าชนเหล่าใดแม้อื่นเที่ยวสำคัญอยู่อย่างนี้ว่า   เราเป็นผู้มีวาทะ    ชนเหล่า
นั้นทั้งหมดนับไม่ถ้วนมีกษัตริย์  บัณฑิต   พราหมณ์  พรหม เทวดา  และยักษ์
เป็นต้น  เป็นผู้เนื่องด้วยประโยชน์ในพระองค์.
         ธรรมิกอุบาสก  สรรเสริญพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยประการต่าง ๆ อย่าง
นี้แล้ว  บัดนี้   เมื่อจะสรรเสริญพระองค์โดยธรรม จึงวิงวอนขอธรรมกถา  กล่าว
สองคาถาว่า  อยญฺหิ   ธมฺโม  ดังนี้.
         ในบทเหล่านั้นบทว่า  อยญฺหิ   ธมฺโม  ธรรมิกอุบาสก  กล่าวหมายถึง
โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ.   บทว่า  นิปุโณ   ได้แก่  ธรรมที่ละเอียดคือ
ตรัสรู้ได้ยาก.   บทว่า  สุโข  คือเป็นธรรมที่เข้าใจได้ตลอด   นำโลกุตรสุขมา
ให้ เพราะฉะนั้น  จึงเรียกว่า สุโข เพราะนำความสุขมาให้. บทว่า สุปฺปวุตฺโต
คือ อันพระองค์ตรัสดีแล้ว.  บทว่า  สุสฺสูสมานา  ความว่า  พวกข้าพระองค์
ประสงค์จะฟัง.  บทว่า ตํ  โน  วท ได้แก่  ขอพระองค์ตรัสบอกความข้อนั้นแก่
ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด.  บาลีว่า  ตฺวํ  โน  บ้าง  ความว่า  ขอพระองค์จงตรัส
แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด.   บทว่า   สพฺเพปิเม   ภิกฺขโว   ความว่า    นัยว่า
ในขณะนั้นภิกษุ  ๕๐๐ รูป  นั่งอยู่แล้ว.   ธรรมิกอุบาสิก   เมื่อจะแสดงถึงภิกษุ
๕๐๐  รูป เหล่านั้น  จึงทูลวิงวอน.  บทว่า อุปาสกา จาปิ  ความว่า ธรรมิก-
อุบาสกแสดงถึงบริวารของตนและคนอื่น ๆ.  บทที่เหลือในที่นี้ชัดเจนแล้ว.
หน้า ๓๗๐