| ถึง อัสสลายนมาณพ วาสิฎฐมาณพ อันพัฏฐมาณพ และอุตตรมาณพเป็นต้น |
| ด้วยบทว่า เกจิ. บทว่า อตฺถพทฺธา ได้แก่ชนทั้งหลายเป็นผู้เนื่องด้วยประโยชน์ |
| คือเป็นผู้ผูกพันด้วยประโยชน์อย่างที่ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า พึงพยากรณ์ปัญหา |
| นี้ คือแก้ความสงสัยนี้ได้บ้างไหมหนอ. บทว่า เย จาปิ อญฺเ ธรรมิกอุบาสก |
| แสดงว่าชนเหล่าใดแม้อื่นเที่ยวสำคัญอยู่อย่างนี้ว่า เราเป็นผู้มีวาทะ ชนเหล่า |
| นั้นทั้งหมดนับไม่ถ้วนมีกษัตริย์ บัณฑิต พราหมณ์ พรหม เทวดา และยักษ์ |
| เป็นต้น เป็นผู้เนื่องด้วยประโยชน์ในพระองค์. |
| ธรรมิกอุบาสก สรรเสริญพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยประการต่าง ๆ อย่าง |
| นี้แล้ว บัดนี้ เมื่อจะสรรเสริญพระองค์โดยธรรม จึงวิงวอนขอธรรมกถา กล่าว |
| สองคาถาว่า อยญฺหิ ธมฺโม ดังนี้. |
| ในบทเหล่านั้นบทว่า อยญฺหิ ธมฺโม ธรรมิกอุบาสก กล่าวหมายถึง |
| โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ. บทว่า นิปุโณ ได้แก่ ธรรมที่ละเอียดคือ |
| ตรัสรู้ได้ยาก. บทว่า สุโข คือเป็นธรรมที่เข้าใจได้ตลอด นำโลกุตรสุขมา |
| ให้ เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่า สุโข เพราะนำความสุขมาให้. บทว่า สุปฺปวุตฺโต |
| คือ อันพระองค์ตรัสดีแล้ว. บทว่า สุสฺสูสมานา ความว่า พวกข้าพระองค์ |
| ประสงค์จะฟัง. บทว่า ตํ โน วท ได้แก่ ขอพระองค์ตรัสบอกความข้อนั้นแก่ |
| ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด. บาลีว่า ตฺวํ โน บ้าง ความว่า ขอพระองค์จงตรัส |
| แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด. บทว่า สพฺเพปิเม ภิกฺขโว ความว่า นัยว่า |
| ในขณะนั้นภิกษุ ๕๐๐ รูป นั่งอยู่แล้ว. ธรรมิกอุบาสิก เมื่อจะแสดงถึงภิกษุ |
| ๕๐๐ รูป เหล่านั้น จึงทูลวิงวอน. บทว่า อุปาสกา จาปิ ความว่า ธรรมิก- |
| อุบาสกแสดงถึงบริวารของตนและคนอื่น ๆ. บทที่เหลือในที่นี้ชัดเจนแล้ว. |