| เมื่อจะทรงแสดงโทษของปุถุชนทั้งหลายในข้อนี้ด้วยธรรมเทศนา จึงตรัสคาถา |
| นี้. แต่พระอริยะทั้งหลายเป็นผู้เว้นจากการเที่ยวไปในเวลาวิกาลนั้นพร้อมกับ |
| การได้มรรคทีเดียว. นี้เป็นธรรมดา. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงห้ามการเที่ยวไปในเวลาวิกาลอย่างนี้แล้ว |
| เมื่อจะทรงแสดงว่า แม้ภิกษุเที่ยวไปในกาล ก็ควรประพฤติอย่างนี้ ดังนี้ จึง |
| ตรัสว่า รูปา จ สทฺทา จ ดังนี้. |
| คาถานั้นมีอธิบายดังนี้ รูปเป็นต้นเหล่าใดยังความมัวเมามีประการ |
| ต่าง ๆ ให้เกิด ยังสัตว์ทั้งหลายให้มัวเมา ภิกษุพึงกำจัดเสียซึ่งความพอใจใน |
| รูปเป็นต้นเหล่านั้น โดยนัยที่กล่าวแล้วในปิณฑจาริตปาริสุทธิสูตร๑เป็นต้น |
| พึงเข้าไปบริโภคอาหารในเวลาเช้า โดยกาลอันสมควร. อนึ่ง ชื่อว่า ปาตราโส |
| เพราะพึงบริโภคในเวลาเช้า บทนี้เป็นชื่อของบิณฑบาต. ในบทนี้ท่านกล่าว |
| ไว้ว่า ภิกษุนั้นได้บิณฑบาตในถิ่นใด แม้ถิ่นนั้นก็ชื่อว่า ปาตราสะ เพราะความ |
| ขวนขวายนั้น. ในบทนี้พึงทราบอธิบายอย่างนี้ว่า ภิกษุพึงเข้าไปยังโอกาสที่จะ |
| ได้บิณฑบาต. |
| บทว่า เอวํ ปวิฏฺโ ปิณฺฑญฺจ ภิกฺขุ ฯเปฯ สงฺคหิตฺตภาโว |
| ความว่า อนึ่งภิกษุได้บิณฑบาตแล้วตามสมัย พึงกลับไปนั่งในที่สงัดแต่ผู้เดียว |
| ฯลฯ ภิกษุผู้สงเคราะห์อัตภาพแล้ว. |
| ในบทเหล่านั้นบทว่า ปิณฺฑํ ได้แก่ภิกษามีภัตปนกัน. ภิกษานั้นท่าน |
| เรียกว่า ปิณฑะ เพราะอรรถว่าสำรวมจากของนั้น ๆ แล้วนำมาคลุกกัน. บทว่า |
| สมเยน ได้แก่ ภายในเที่ยงวัน. บทว่า เอโก ปฏิกฺกมฺม คือให้เกิดกายวิเวก |
| กลับไปนั่งไม่มีเพื่อน. บทว่า อชฺฌตฺตจินฺตี ได้แก่ คิดถึงขันธสันดานยกขึ้น |
|