๓๗๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๗๓
เมื่อจะทรงแสดงโทษของปุถุชนทั้งหลายในข้อนี้ด้วยธรรมเทศนา  จึงตรัสคาถา
นี้.    แต่พระอริยะทั้งหลายเป็นผู้เว้นจากการเที่ยวไปในเวลาวิกาลนั้นพร้อมกับ
การได้มรรคทีเดียว.  นี้เป็นธรรมดา.
         พระผู้มีพระภาคเจ้า  ครั้นทรงห้ามการเที่ยวไปในเวลาวิกาลอย่างนี้แล้ว
เมื่อจะทรงแสดงว่า  แม้ภิกษุเที่ยวไปในกาล   ก็ควรประพฤติอย่างนี้   ดังนี้   จึง
ตรัสว่า  รูปา  จ สทฺทา จ ดังนี้.
         คาถานั้นมีอธิบายดังนี้     รูปเป็นต้นเหล่าใดยังความมัวเมามีประการ
ต่าง ๆ ให้เกิด   ยังสัตว์ทั้งหลายให้มัวเมา    ภิกษุพึงกำจัดเสียซึ่งความพอใจใน
รูปเป็นต้นเหล่านั้น     โดยนัยที่กล่าวแล้วในปิณฑจาริตปาริสุทธิสูตรเป็นต้น
พึงเข้าไปบริโภคอาหารในเวลาเช้า  โดยกาลอันสมควร.  อนึ่ง ชื่อว่า ปาตราโส
เพราะพึงบริโภคในเวลาเช้า  บทนี้เป็นชื่อของบิณฑบาต.    ในบทนี้ท่านกล่าว
ไว้ว่า  ภิกษุนั้นได้บิณฑบาตในถิ่นใด  แม้ถิ่นนั้นก็ชื่อว่า ปาตราสะ  เพราะความ
ขวนขวายนั้น.   ในบทนี้พึงทราบอธิบายอย่างนี้ว่า   ภิกษุพึงเข้าไปยังโอกาสที่จะ
ได้บิณฑบาต.
         บทว่า  เอวํ ปวิฏฺโ€  ปิณฺฑญฺจ  ภิกฺขุ  ฯเปฯ  สงฺคหิตฺตภาโว
ความว่า  อนึ่งภิกษุได้บิณฑบาตแล้วตามสมัย  พึงกลับไปนั่งในที่สงัดแต่ผู้เดียว
ฯลฯ ภิกษุผู้สงเคราะห์อัตภาพแล้ว.
         ในบทเหล่านั้นบทว่า  ปิณฺฑํ  ได้แก่ภิกษามีภัตปนกัน. ภิกษานั้นท่าน
เรียกว่า   ปิณฑะ  เพราะอรรถว่าสำรวมจากของนั้น   ๆ แล้วนำมาคลุกกัน.  บทว่า
สมเยน ได้แก่ ภายในเที่ยงวัน.  บทว่า  เอโก ปฏิกฺกมฺม  คือให้เกิดกายวิเวก
กลับไปนั่งไม่มีเพื่อน.  บทว่า  อชฺฌตฺตจินฺตี  ได้แก่  คิดถึงขันธสันดานยกขึ้น
๑. บาลีเป็น ปิณฑปาตปาริสุทธิสูตร ม. อุปริ. ๑๔/ ข้อ ๘๓๗.
หน้า ๓๗๒