๓๗๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๗๔
สู่พระไตรลักษณ์.  บทว่า  น  มโน  พหิทฺธา  นิจฺฉารเย  ไม่พึงส่งใจไปใน
ภายนอก  ความว่า  ไม่พึงนำจิตไปในรูปเป็นต้นในภายนอก   ด้วยอำนาจกิเลส
มีราคะเป็นต้น.  บทว่า  สงฺคหิตตฺตภาโว  ได้แก่มีจิตยึดมั่นไว้ด้วยดี.
         บทว่า  เอวํ  วิหรนฺโต จ สเจปิ  โส  ฯเปฯ   ปรูปวาทํ  ความว่า
หากภิกษุนั้นอยู่อย่างนี้พึงเจรจากับสาวกอื่น    หรือกับภิกษุไร ๆ    ภิกษุนั้นพึง
กล่าวธรรมอันประณีต  ไม่พึงกล่าวคำส่อเสียด    ทั้งไม่พึงกล่าวคำติเตียนผู้อื่น.
ท่านอธิบายไว้อย่างไร.  ท่านอธิบายว่า  พระโยคาวจรนั้นหากพึงเจรจากับสาวก
ผู้เข้าไปหาเพื่อประสงค์จะฟังอะไร ๆ  ก็ดี   กับคฤหัสถ์ผู้เป็นอัญญเดียรดีย์ไร ๆ
ก็ดี  กับภิกษุผู้บวชแล้วในศาสนานี้ก็ดี.  พึงกล่าวธรรมอันประณีต  ไม่ทำให้เขา
เดือดร้อน  ประกอบด้วยมรรคผลเป็นต้น   หรือกถาวัตถุ   ๑๐  ไม่พึงกล่าวคำส่อ
เสียดอื่น ๆ  หรือกล่าวคำติเตียนผู้อื่นแม้เพียงเล็กน้อย.
         บัดนี้  พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะทรงแสดงโทษในการกล่าวคำติเตียน
ผู้อื่นนั้น   จึงตรัสว่า  วาทญฺหิ   เอเก  บุคคลบางพวกย่อมประถ้อยคำกัน   ดังนี้.
         บทนั้น  มีอธิบายดังนี้   พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า   โมฆบุรุษบางพวก
ในโลกนี้ย่อมประ  คือ  โต้วาทะอันเป็นถ้อยคำทำให้เกิดวิวาทกันนานาประการ
ทั้งที่รู้อยู่ว่าเป็นคำติเตียนผู้อื่น   ต้องการจะต่อสู้กัน     ดุจประจัญหน้ากับนักรบ
เราไม่สรรเสริญบุคคลเหล่านั้นผู้มีปัญญาทราม    เพราะเหตุใด     เพราะความ
เกี่ยวข้องทั้งหลายย่อมข้องบุคคลเหล่านั้น      เพราะถ้อยคำนั้น  ๆ  คือ   ความ
เกี่ยวข้องด้วยการวิวาทเกิดขึ้นจากคลองแห่งคำนั้น ๆ ย่อมต้องคือติดแน่นบุคคล
เช่นนั้นไว้  เพราะคนเหล่านั้นเมื่อประคารมกัน  ย่อมส่งจิตไปในคารมนั้น  จิต
ย่อมไปไกลจากสมถะและวิปัสสนา ดังนี้.
หน้า ๓๗๓