๓๗๓    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๗๕
         พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงแสดงถึงความเป็นไปของผู้มีปัญญาน้อย
แล้ว   บัดนี้เมื่อจะทรงแสดงถึงความเป็นไปของผู้มีปัญญามากจึงตรัสว่า  ปิณฺฑํ
วิหารํ   ฯเปฯ    วรปญฺสาวโก      ความว่า    สาวกผู้มีปัญญาดี   ฟังธรรมที่
พระสุคตแสดงแล้ว   พิจารณาบิณฑบาต  ที่อยู่  ที่นอน  ที่นั่ง  น้ำ และการซักผ้า
สังฆาฏิแล้วพึงเสพ ดังนี้.
         ในบทเหล่านั้น  ท่านกล่าวถึงเสนาสนะอย่างเดียวด้วยสามบท คือ ด้วย
วิหารคือที่อยู่   ด้วยที่นอนคือเตียง   ด้วยที่นั่งคือตั่ง.  บทว่า    อาปํ     คือน้ำ.
บทว่า   สงฺฆาฏิรชูปวาหนํ  ได้แก่ ซักธุลีผ้าสังฆาฏิมีฝุ่นและมลทินเป็นต้น.
บทว่า  สุตฺวาน   ธมฺมํ  สุคเตน  เทสิตํ  ความว่า  ฟังธรรมที่พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าทรงแสดงแล้วโดยนัยมีอาทิว่า   ในการสังวรอาสวะทั้งปวงเป็นต้น  ภิกษุ
พิจารณาโดยแยบคาย   เสพจีวรเพื่อกำจัดความหนาว.   บทว่า  สงฺขาย   เสเว
วรปญฺาสาวโก   สาวกผู้มีปัญญาดีพิจารณาแล้วพึงเสพ   ความว่า   สาวกผู้มี
ปัญญา  พิจารณาปัจจัยแม้  ๔  อย่างคือ   บิณฑบาตที่ท่านกล่าวว่า    บิณฑะใน
ที่นี้ ๑ เสนาสนะที่ท่านกล่าวด้วยวิหารศัพท์เป็นต้น  ๑ คิลานปัจจัย  ที่ท่านแสดง
ด้วยอาปศัพท์ ๑ จีวร  ที่ท่านกล่าว  ด้วยสังฆาฎิศัพท์ ๑  คือ พิจารณาโดยนัยมี
อาทิว่า   ยาวเทว    อิมสฺส    กายสฺส   €ิติยา   เพียงเพื่อดำรงอยู่แห่งกายนี้
เท่านั้นแล้วพึงเสพ.  สาวกของพระตถาคตผู้มีปัญญาดี   ทั้งที่เป็นเสกขะ.    ทั้งที่
เป็นปุถุชน   ทั้งที่เป็นพระอรหันต์โดยตรง  พึงสามารถเสพได้.   จริงอยู่   ท่าน
กล่าวถึง  อปัสเสนธรรม   คือธรรมเป็นที่พึ่งพิง ๔  อย่าง คือ    พิจารณาแล้ว
จึงเสพ ๑   พิจารณาแล้วจึงอาศัย ๑   พิจารณาแล้วจึงเว้น  ๑    พิจารณาแล้วจึง
หน้า ๓๗๔