| พึงประกอบนอกลำดับว่า สาวกผู้ครองเรือนวางอาชญาในหมู่สัตว์ทั้งที่มั่นคง |
| ทั้งที่หวาดสะดุ้ง ไม่พึงฆ่าเอง ไม่พึงใช้ให้ผู้อื่นฆ่า และไม่พึงอนุญาตให้ผู้อื่น. |
| ฆ่า. อีกอย่างหนึ่ง นอกจากบทว่า นิธาย ทณฺฑํ นี้ ควรนำปาฐะที่เหลือมา |
| ใช้ว่า วตฺเตยฺย พึงเป็นไป ดังนี้. นอกจากนี้ไม่ควรเชื่อมบทหลังด้วยบทต้น. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงแสดงสิกขาบทต้นอย่างนี้แล้ว บัดนี้เมื่อ |
| จะทรงแสดงสิกขาบทที่สอง จึงตรัสว่า ตโต อทินฺนํ พึงเว้นจากสิ่งที่เขาไม่ให้ |
| อะไร ๆ ดังนี้. |
| ในบทเหล่านั้นบทว่า กิญฺจิ คือ ของน้อยก็ดี ของมากก็ดี. บทว่า |
| กฺจจิ คือ ในบ้านก็ดี ในป่าก็ดี. บทว่า สาวโก ได้แก่สาวกผู้ครองเรือน. |
| บทว่า พุชฺฌมาโน คือรู้อยู่ว่านี้เป็นของของคนอื่น. บทว่า สพฺพํ อทินฺนํ |
| ปริวชฺเชยฺย คือ เมื่อเว้นอยู่อย่างนี้พึงเว้นสิ่งทั้งหมดที่เขาไม่ให้ ท่านชี้แจงว่า |
| ไม่เว้นโดยวิธีอย่างอื่น. บทที่เหลือในข้อนี้มีนัยดังกล่าวแล้ว และปรากฏชัด |
| แล้ว. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงแม้สิกขาบทที่สองชัดเจนดีแล้ว |
| อย่างนี้ เมื่อจะทรงแสดงสิกขาบทที่สามตั้งข้อกำหนดให้ยิ่งขึ้นไป จึงตรัสว่า |
| อพฺรหฺมจริยํ พึงเว้นอพรหมจรรย์ ดังนี้. |
| ในบทเหล่านั้น บทว่า อสมฺภุณนฺโต คือ ไม่สามารถ. |
| บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงแสดงสิกขาบทที่สี่ จึงตรัสว่า |
| สภคฺคโต วา คืออยู่ในที่ประชุมเป็นต้น. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สภคฺ- |
| คโต ได้แก่ ไปสู่สันถาคารเป็นต้น. บทว่า ปริสคฺคโต คืออยู่ในท่ามกลาง |
| ประชุมชน. บทที่เหลือในข้อนี้มีนัยดังกล่าวแล้ว และปรากฏชัดแล้ว. |