| พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงแสดงแม้สิกขาบทที่สี่ชัดเจนดีแล้ว เมื่อ |
| จะทรงแสดงสิกขาบทที่ห้า จึงตรัสว่า มชฺชญฺจ ปานํ พึงเว้นการดื่มน้ำเมา |
| ดังนี้. |
| ในบทเหล่านั้น บทว่า มชฺชญฺจ ปานํ ท่านกล่าวอย่างนี้เพื่อสะดวก |
| ในการแต่คาถา. แต่มีใจความ มชฺชปานญฺจ สมาจเรยฺย ไม่พึงดื่มน้ำเมา. |
| บทว่า ธมฺมํ อิทํ ได้แก่ ธรรมคือเว้นจากการดื่มน้ำเมา. บทว่า อุมฺมาทนนฺตํ |
| คือการดื่มน้ำเมานั้นมีความบ้าเป็นที่สุด. เพราะว่า ผลของการดื่มน้ำเมาอย่าง |
| เบาเมื่อเป็นมนุษย์ ก็เป็นบ้า. บทว่า อิติ นํ วิทิตฺวา คือรู้ชัดการดื่มน้ำเมานั้น. |
| บทที่เหลือในข้อนี้มีนัยดังกล่าวแล้ว และปรากฏชัดแล้ว. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแม้สิกขาบทที่ห้าให้บริสุทธิ์ที่ชัดเจนอย่างนี้ |
| แล้ว บัดนี้ เมื่อจะทรงแสดงถึงการดื่มน้ำเมาแห่งสิกขาบทก่อนว่าเป็นการทำ |
| ความเศร้าหมองและก่อเวร ทรงชักชวนในการเว้นจากการดื่มน้ำเมานั้นให้ |
| มั่นคงยิ่งขึ้นจึงตรัสว่า มทา หิ ปาปานิ กโรนฺติ เพราะคนพาลทั้งหลาย |
| ย่อมกระทำบาป เพราะความเมาดังนี้. |
| ในบทเหล่านั้น บทว่า มทา คือเพราะเหตุแห่งความเมา. หิ เป็น |
| นิบาตเพียงทำบทให้เต็ม. บทว่า อุมฺมาทนํ โมหนํ ได้แก่ ความบ้าในโลก |
| หน้า ความหลงในโลกนี้. บทที่เหลือมีความง่ายทั้งนั้น. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงนิจศีลของสาวกผู้ครองเรือนด้วย |
| เหตุเพียงเท่านี้แล้ว บัดนี้เมื่อจะทรงแสดงองค์แห่งอุโบสถ จึงตรัสสองคาถาว่า |
| ปาณํ น หเน บุคคลไม่พึงฆ่าสัตว์ ดังนี้. |