| วันก่อนและวันหลัง ของวันอุโบสถแห่งปักษ์. ชอบอย่างใดก็พึงถือเอาอย่างนั้น |
| อันผู้ใคร่บุญพึงทำได้ทุกอย่าง. พึงผูกใจไว้ว่า ผู้มีใจเลื่อมใสปฏิหาริยปักษ์นี้ |
| ด้วยประการฉะนี้ ไม่เว้นแม้แต่วันเดียว เข้าถึงองค์ ๘ ทำให้สมบูรณ์ด้วยดี |
| บริบูรณ์ด้วยดี พึงเข้าจำอุโบสถอันประกอบด้วยองค์ ๘. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงกาลแห่งอุโบสถอย่างนี้แล้ว บัดนี้ |
| เมื่อจะทรงแสดงถึงกิจ ที่ผู้เข้าจำอุโบสถนั้นในกาลเหล่านั้นควรกระทำ จึงตรัส |
| ว่า ตโต จ ปาโต ดังนี้. |
| บทว่า ตโต แม้ในบทนี้ก็เป็นนิบาตเพียงทำบทให้เต็ม. หรือลงใน |
| อรรถไม่มีระหว่าง ท่านอธิบายว่า ได้แก่ อถ แปลว่าครั้งนั้น. บทว่า ปาโต |
| ได้แก่ ส่วนเบื้องต้นของวันอื่น. บทว่า อุปวุฏฺฐุโปสโถ ได้แก่ เข้าจำอุโบสถ. |
| บทว่า อนฺเนน ได้แก่ข้าวยาคูและภัตรเป็นต้น . บทว่า ปาเนน คือ น้ำปานะ |
| ๘ อย่าง. บทว่า อนุโมทมาโน ได้แก่ ชื่นชมยินดีอยู่เนือง ๆ อธิบายว่า |
| ชื่นชมตลอดกาล. บทว่า ยถารหํ คือสมควรแก่ตน ท่านอธิบายว่า ตาม |
| ความสามารถ ตามกำลัง. บทว่า สํวิภเชถ คือพึงแจกจ่าย คือพึงบูชา. บท |
| ที่เหลือปรากฏชัดแล้ว. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงกิจของผู้เข้าจำอุโบสถอย่างนี้แล้ว บัดนี้ |
| ตรัสถึงครุวัตร (การเคารพ) และอาชีวปาริสุทธิศีล เมื่อจะทรงแสดงถึงฐานะ |
| ที่ควรถึงด้วยปฏิปทานั้น จึงตรัสว่า ธมฺเมน มาตาปิตโร พึงเลี้ยงมารดาบิดา |
| โดยธรรม ดังนี้. |
| ในบทเหล่านั้น บทว่า ธมฺเมน ได้แก่ด้วยโภคสมบัติที่ได้มาโดยชอบ |
| ธรรม. บทว่า ภเรยฺย ได้แก่ พึงเลี้ยง. บทว่า ธมฺมิกํโส วณิชฺชํ พึงประ |
| กอบการค้าขายอันชอบธรรมดังนี้ คือ เว้นการค้าอันไม่เป็นธรรม ๕ อย่าง |