๓๘๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๘๘
         ในบทเหล่านั้นบทว่า   กาเยน  ปาปกมฺมํ  วิวชฺชยิ   ได้แก่  ทรง
เว้น    กายทุจริต ๓ อย่าง.   บทว่า  วจีทุจฺจริตํ   ได้แก่  วจีทุจริต  ๔   อย่าง.
บทว่า  อาชีวํ   ปริโสธยิ   ได้แก่  ทรงละมิจฉาชีวะทรงประกอบสัมมาชีวะ.
         พระพุทธเจ้าทรงชำระศีลมีอาชีวะเป็นที่  ๘  อย่างนี้แล้วได้เสด็จถึงกรุง
ราชคฤห์  ประมาณ  ๓๐  โยชน์จากฝั่งแม่น้ำอโนมา  โดยเพียง ๗ วัน.
         พึงทราบวินิจฉัยในบทนั้นว่า  อันที่จริงพระผู้มีพระภาคเจ้ายังมิได้เป็น
พระพุทธเจ้าในขณะที่เสด็จไปกรุงราชคฤห์    นั่นเป็นบุพจริยาของพระพุทธเจ้า
ที่กล่าวอย่างนั้นก็เหมือนคำกล่าวของชาวโลกว่า  พระราชาประสูติที่เมืองนี้    ได้
รับราชสมบัติที่เมืองนี้เป็นต้น.
         บทว่า  มคธาน  ท่านอธิบายว่าเป็นนครของชนบทแห่งแคว้นมคธ  แม้
บทว่า  คิริพฺพชํ  นี้  ก็เป็นชื่อของแคว้นมคธนั้น. ก็คิริพชนครนั้นตั้งอยู่ดุจคอก
ในท่ามกลางภูเขา ๕ ลูกทีมีชื่อว่า  ปัณฑวะ  ๑  คิชฌกูฏ  ๑  เวภาระ  ๑  อิสิคิลิ ๑
เวปุสละ ๑  เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า  คิริพชนคร.  บทว่า  ปิณฺฑาย  อภิหาเรสิ
คือเสด็จไปในนครนั้นเพื่อบิณฑบาต.
         มีเรื่องเล่ามาว่า   พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นประทับยืน ณ ประตูพระนคร
ทรงดำริว่า   หากเราจะพึงให้ข่าวการมาของเราแก่พระเจ้าพิมพิสารว่า   สิทธัตถ-
กุมาร  โอรสของพระเจ้าสุทโธทนะมา   พระเจ้าพิมพิสารก็จะทรงนำปัจจัยมาให้
เรามาก   ก็การบอกรับปัจจัยนั้นไม่สมควรแก่สมณะ   เอาเถอะ   เราจะเที่ยวไป
บิณฑบาต.  พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห่มผ้าบังสุกุลจีวรที่เทวดาประทานให้  ทรง
หน้า ๓๘๗