| ในบทเหล่านั้นบทว่า กาเยน ปาปกมฺมํ วิวชฺชยิ ได้แก่ ทรง |
| เว้น กายทุจริต ๓ อย่าง. บทว่า วจีทุจฺจริตํ ได้แก่ วจีทุจริต ๔ อย่าง. |
| บทว่า อาชีวํ ปริโสธยิ ได้แก่ ทรงละมิจฉาชีวะทรงประกอบสัมมาชีวะ. |
| พระพุทธเจ้าทรงชำระศีลมีอาชีวะเป็นที่ ๘ อย่างนี้แล้วได้เสด็จถึงกรุง |
| ราชคฤห์ ประมาณ ๓๐ โยชน์จากฝั่งแม่น้ำอโนมา โดยเพียง ๗ วัน. |
| พึงทราบวินิจฉัยในบทนั้นว่า อันที่จริงพระผู้มีพระภาคเจ้ายังมิได้เป็น |
| พระพุทธเจ้าในขณะที่เสด็จไปกรุงราชคฤห์ นั่นเป็นบุพจริยาของพระพุทธเจ้า |
| ที่กล่าวอย่างนั้นก็เหมือนคำกล่าวของชาวโลกว่า พระราชาประสูติที่เมืองนี้ ได้ |
| รับราชสมบัติที่เมืองนี้เป็นต้น. |
| บทว่า มคธาน ท่านอธิบายว่าเป็นนครของชนบทแห่งแคว้นมคธ แม้ |
| บทว่า คิริพฺพชํ นี้ ก็เป็นชื่อของแคว้นมคธนั้น. ก็คิริพชนครนั้นตั้งอยู่ดุจคอก |
| ในท่ามกลางภูเขา ๕ ลูกทีมีชื่อว่า ปัณฑวะ ๑ คิชฌกูฏ ๑ เวภาระ ๑ อิสิคิลิ ๑ |
| เวปุสละ ๑ เพราะฉะนั้นจึงเรียกว่า คิริพชนคร. บทว่า ปิณฺฑาย อภิหาเรสิ |
| คือเสด็จไปในนครนั้นเพื่อบิณฑบาต. |
| มีเรื่องเล่ามาว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นประทับยืน ณ ประตูพระนคร |
| ทรงดำริว่า หากเราจะพึงให้ข่าวการมาของเราแก่พระเจ้าพิมพิสารว่า สิทธัตถ- |
| กุมาร โอรสของพระเจ้าสุทโธทนะมา พระเจ้าพิมพิสารก็จะทรงนำปัจจัยมาให้ |
| เรามาก ก็การบอกรับปัจจัยนั้นไม่สมควรแก่สมณะ เอาเถอะ เราจะเที่ยวไป |
| บิณฑบาต. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห่มผ้าบังสุกุลจีวรที่เทวดาประทานให้ ทรง |