๓๘๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๙๐
         บทว่า  นีจกุลามิว  ความว่า   ภิกษุรูปนี้หาเหมือนผู้บวชจากสกุลต่ำ
ไม่.    อักษร  เป็นบทสนธิ.  บทว่า  กุหึ  ภิกฺขุ  คมิสฺสติ   ความว่า  พระ
เจ้าพิมพิสารตรัสโดยมีพระประสงค์ว่า  พวกราชทูตจงรีบไปเพื่อรู้ว่า ภิกษุรูปนี้
จักไปไหน  วันนี้จักอยู่ ณ ที่ไหน  เพราะเราประโยคสงค์จะเห็นภิกษุรูปนั้น.
         บทว่า   คุตฺตทฺวาโร   คือทรงคุ้มครองทวารสำรวมดีแล้วด้วยพระสติ
เพราะมีจักษุทอดลง  หรือทรงคุ้มครองทวารด้วยสติ   คือสำรวมด้วยดี  ด้วยการ
ครองสังฆาฎิ   และจีวรน่าเลื่อมใส.   บทว่า  ขิปฺปํ   ปตฺตํ   อปูเรสิ   ได้แก่
ได้ทรงยังบาตรให้เต็มเร็วโดยบริบูรณ์  ด้วยพระอัธยาศัยว่า  ไม่รับเกินไป  หรือ
เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว   เพราะมีสติสัมปชัญญะ.
         บทว่า  มุนี  ความว่า  ชื่อว่ามุนี   เพราะปฏิบัติเพื่อความเป็นผู้ฉลาด
อีกอย่างหนึ่ง  กล่าวโดยโวหารของชาวโลกว่า  แม้ยังไม่ถึงความเป็นผู้ฉลาด   ก็
เป็นมุนี. เพราะชาวโลกทั้งหลายกล่าวถึงนักบวชที่ยังไม่ถึงพร้อมด้วยความฉลาด
ว่าเป็นมุนี.  บทว่า  ปณฺฑวํ  อภิหาเรสิ  ได้แก่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จขึ้นไป
ยังภูเขาปัณฑวะ.  ได้ยินว่า  ราชทูตถามพวกมนุษย์ว่า   ที่นครไม่มีบรรพชิตอยู่
ที่ไหน.  พวกมนุษย์จึงบอกแก่เขาว่า   มีภิกษุรูปหนึ่งอยู่ที่เงื้อมเขาด้านทิศตะวัน-
ออก  บนเขาปัณฑวะ  เพราะฉะนั้นพระราชาจึงเสด็จขึ้นไปยังภูเขาปัณฑวะนั้น.
ทรงดำริอย่างนี้ว่า  ณ  ภูเขานี้คงจักเป็นที่อยู่.
         บทว่า  พยคฺฆุสโภว   สีโหว   คิริคพฺภเร   คือ  เหมือนเสือโคร่ง
เหมือนโคอุสุภราช  และเหมือนราชสีห์  อาศัยอยู่ในถ้ำภูเขา.  เพราะสัตว์ทั้ง  ๓
เหล่านี้เป็นสัตว์ประเสริฐที่สุด  ไม่กลัวภัย  อาศัยอยู่ในถ้ำ  เพราะฉะนั้น   ราชทูต
จึงได้เปรียบเทียบอย่างนี้.
หน้า ๓๘๙