| บทว่า ภทฺรยาเนน คือด้วยยานอันสูงสุด มียานช้าง ม้า รถและวอ |
| เป็นต้น. |
| บทว่า ส ยานภูมึ ยายิตฺวา คือ เสด็จไปตลอดพื้นที่สามารถจะเสด็จ |
| ไปด้วยยาน มีช้างและม้าเป็นต้น. บทว่า อาสชฺช คือ ถึงแล้ว. อธิบายว่า |
| เสด็จไปใกล้ภูเขานั้น . บทว่า อุปาวิสิ คือ ประทับนั่ง. |
| บทว่า ยุวา คือ ยังเป็นหนุ่ม. บทว่า ทหโร คือ เป็นหนุ่มโดยชาติ. |
| บทว่า ปมุปฺปตฺติโต สุสู ท่านยังเป็นหนุ่มแน่นตั้งแต่ปฐมวัย นี้เป็น |
| วิเสสนะของทั้งสองบทนั้น. บทว่า ยุวา สุสู คือเป็นหนุ่มมาตั้งแต่ปฐมวัย. |
| บทว่า ทหโร จาปิ คือเมื่อยังมีความเป็นหนุ่ม ย่อมปรากฏเหมือนหนุ่ม |
| อ่อน. บทว่า อณีกคฺคํ ได้แก่ หมู่พลพร้อมหน้า. ในบทว่า ททามิ โภเค |
| ภุญฺชสฺสุ นี้ พึงทราบการเชื่อมความอย่างนี้ว่า ข้าพเจ้าจะให้โภคสมบัติใน |
| แคว้นอังคะมคธะแก่ท่านเท่าที่ท่านต้องการ ท่านยังหมู่พลให้งดงาม แวดล้อม |
| ด้วยหมู่ผู้ประเสริฐ ขอจงบริโภคสมบัติเถิด. |
| บทว่า อุชุ ชนปโท ราชา ความว่า นัยว่า ครั้นพระราชาตรัสว่า |
| ข้าพเจ้าจะให้โภคสมบัติ ขอท่านจงบริโภคโภคสมบัติเถิด ข้าพเจ้าถาม ขอท่าน |
| จงบอกชาติกำเนิดแก่ข้าพเจ้าเถิด พระมหาบุรุษทรงดำริว่า หากเราพึงปรารถนา |
| ราชสมบัติ แม้ทวยเทพชั้นจาตุมมหาราชิกาเป็นต้น ก็จะพึงนิมนต์เรา ด้วย |
| ราชสมบัติของตน อีกอย่างหนึ่ง เราตั้งอยู่ในเรือนก็จะพึงครองราชสมบัติเป็น |
| พระเจ้าจักรพรรดิ แต่พระราชานี้ไม่รู้จักเราจึงตรัสอย่างนั้น เอาเถิดเราจะให้ |
| พระราชาทรงรู้จักเรา จึงทรงเปล่งพระวาจา แจ้งถึงทิศทางที่พระองค์เสด็จมา |
| ตรัสว่า อุชุ ชนปโท ราชา ดังนี้เป็นอาทิ. พระมหาบุรุษเมื่อตรัสว่า |