๓๘๙    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๓๙๑
         บทว่า ภทฺรยาเนน   คือด้วยยานอันสูงสุด   มียานช้าง  ม้า  รถและวอ
เป็นต้น.
         บทว่า  ส  ยานภูมึ  ยายิตฺวา คือ เสด็จไปตลอดพื้นที่สามารถจะเสด็จ
ไปด้วยยาน  มีช้างและม้าเป็นต้น.   บทว่า  อาสชฺช  คือ  ถึงแล้ว.    อธิบายว่า
เสด็จไปใกล้ภูเขานั้น .  บทว่า  อุปาวิสิ  คือ ประทับนั่ง.
         บทว่า  ยุวา คือ ยังเป็นหนุ่ม. บทว่า  ทหโร คือ เป็นหนุ่มโดยชาติ.
บทว่า   ป€มุปฺปตฺติโต  สุสู    ท่านยังเป็นหนุ่มแน่นตั้งแต่ปฐมวัย    นี้เป็น
วิเสสนะของทั้งสองบทนั้น.   บทว่า  ยุวา   สุสู  คือเป็นหนุ่มมาตั้งแต่ปฐมวัย.
บทว่า  ทหโร  จาปิ    คือเมื่อยังมีความเป็นหนุ่ม    ย่อมปรากฏเหมือนหนุ่ม
อ่อน.  บทว่า อณีกคฺคํ  ได้แก่ หมู่พลพร้อมหน้า.  ในบทว่า  ททามิ  โภเค
ภุญฺชสฺสุ   นี้   พึงทราบการเชื่อมความอย่างนี้ว่า    ข้าพเจ้าจะให้โภคสมบัติใน
แคว้นอังคะมคธะแก่ท่านเท่าที่ท่านต้องการ   ท่านยังหมู่พลให้งดงาม    แวดล้อม
ด้วยหมู่ผู้ประเสริฐ  ขอจงบริโภคสมบัติเถิด.
         บทว่า  อุชุ  ชนปโท  ราชา  ความว่า  นัยว่า  ครั้นพระราชาตรัสว่า
ข้าพเจ้าจะให้โภคสมบัติ    ขอท่านจงบริโภคโภคสมบัติเถิด   ข้าพเจ้าถาม  ขอท่าน
จงบอกชาติกำเนิดแก่ข้าพเจ้าเถิด  พระมหาบุรุษทรงดำริว่า  หากเราพึงปรารถนา
ราชสมบัติ   แม้ทวยเทพชั้นจาตุมมหาราชิกาเป็นต้น  ก็จะพึงนิมนต์เรา    ด้วย
ราชสมบัติของตน   อีกอย่างหนึ่ง   เราตั้งอยู่ในเรือนก็จะพึงครองราชสมบัติเป็น
พระเจ้าจักรพรรดิ    แต่พระราชานี้ไม่รู้จักเราจึงตรัสอย่างนั้น   เอาเถิดเราจะให้
พระราชาทรงรู้จักเรา   จึงทรงเปล่งพระวาจา   แจ้งถึงทิศทางที่พระองค์เสด็จมา
ตรัสว่า   อุชุ  ชนปโท    ราชา    ดังนี้เป็นอาทิ.    พระมหาบุรุษเมื่อตรัสว่า
หน้า ๓๙๐