การเกิดขึ้นในสกุล และหาได้อาศัยการเป็นผู้มีผิวพรรณงามเป็นต้นไม่ แต่ได้ |
ทรงอาศัย ความที่พุทธรัตนะเป็นรัตนะที่ไม่มีประมาณด้วยคุณทั้งหลายมีสีล |
ขันธ์และสมาธิขันธ์เป็นต้นในโลก ตั้งแต่อเวจี จนถึงภวัคคพรหมเป็นที่สุด. |
จึงทรงประกอบสัจวาจาว่า |
อิทฺปิ พุทฺเธ รตนํ ปณีตํ |
เอเตน สจฺเจน สุวตฺถิ โหตุ |
พุทธรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประณีต |
ด้วยสัจวาจานี้ ขอความสวัสดีจงมีแต่สัตว์ |
ทั้งหลายดังนี้. |
เนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า ทรัพย์เครื่องปลื้มใจหรือรัตนะอย่างใด |
อย่างหนึ่งซึ่งมีอยู่ในโลกนี้หรือในโลกอื่น หรือในสวรรค์ทั้งหลาย พุทธรัตนะ |
แม้นี้ ชื่อว่าประณีต เพราะไม่เสมอเหมือนกับทรัพย์เครื่องปลื้มใจหรือรัตนะนั้น |
ด้วยคุณทั้งหลายเหล่านั้น ๆ ถ้าหากว่าคำที่กล่าวนี้ เป็นคำสัตย์จริง ด้วยความ- |
สัจนี้ ขอความสวัสดีจงมี คือ ขอความดีงาม ได้แก่ ความไม่มีโรค ความไม่ |
มีอุปัทวะ จงมีแก่ปาณะสัตว์ทั้งหลายเหล่านี้. ก็ในข้อนี้มีอธิบายว่า จักษุ ชื่อว่า |
เป็นของสูญ สูญจากความเป็นตน หรือจากความเป็นของที่เกี่ยวเนื่องกับตน |
ในประโยคทั้งหลายมีอาทิอย่างนี้ว่า "ดูก่อนอานนท์ จักษุแลชื่อว่าเป็นของสูญ |
จากตนหรือจากสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับตน" แต่เมื่อถือเอาโดยประการนอกนี้ จักษุ |
ก็จักไม่พึงสำเร็จด้วยคำว่า ตน หรือสิ่งที่เนื่องด้วยตน ฉันใด คำที่ว่ารัตนะ |
อันประณีตก็พึงทราบเนื้อความนี้ว่า ความเป็นรัตนะอันประณีต คือรัตนภาพ |
ประณีต แต่เมื่อถือเอาโดยประการนอกนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็หาได้สำเร็จ |