| แก่ผู้อื่น. บทที่เหลือง่ายทั้งนั้น. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงคัดค้านคำนี้ว่า เมื่อ |
| เป็นอยู่ท่านจักทำบุญได้ดังนี้ ตรัสคาถานี้ว่า อณุมตฺโตปิ แม้มีประมาณน้อย. |
| ในบทเหล่านั้น บทว่า ปุญฺเน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมายถึง |
| บุญอันไปสู่วัฏฏะซึ่งมารกล่าว. บทที่เหลือง่ายทั้งนั้น. |
| บัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าคุกคามมารปรารภคำนี้ว่า ความเป็นอยู่ของ |
| ท่านมีส่วนเดียว ตรัสคาถานี้ว่า อตฺถิ สทฺธา ศรัทธามีอยู่ดังนี้. ในคาถา |
| นั้นมีอธิบายดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงคุกคามมารอย่างนี้ว่า ดูก่อนมาร |
| ใจร้าย ท่านไม่เชื่อในสันติวรบท (ทางแห่งความสงบอันประเสริฐ) อัน |
| ยอดเยี่ยม หรือแม้มีศรัทธาก็เกียจคร้าน หรือมีศรัทธา แม้ปรารภความเพียร |
| ก็มีปัญญาทราม ตามถามความเป็นอยู่ แต่เรามีศรัทธาหยั่งลงในสันติวรบท |
| อันยอดเยี่ยม เรามีความเพียรกล่าวคือ ความพยายามไม่ย่อหย่อนทางกายและ |
| ทางจิต และเรามีปัญญาเปรียบดังวชิระ ท่านถามเราผู้มีตนส่งไปแล้ว คือมี |
| อัธยาศัยเลิศ มีความเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะเหตุไรท่านจึงถาม. ควรประกอบ |
| สติและสมาธิด้วย จ ศัพท์ในบทนี้ว่า ปญฺา จ มม ดังนี้. ผู้ประกอบ |
| ด้วยอินทรีย์ ๕ เหล่าใดย่อมถึงนิพพาน ในอินทรีย์ ๕ เหล่านั้นแม้อย่างเดียว |
| ก็เว้นไม่ได้ ท่านถามเราผู้มีตนส่งไปแล้ว มีความเป็นอยู่อย่างไรมิใช่หรือ. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงข่มมารอย่างนี้ว่า |
| เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย วิริยมารภโต ทฬฺหํ |
| ปญฺวนฺตสฺส ฌายิโน ปสฺสโต อุทยพฺพยํ. |