๔๐๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๔๐๓
                        เป็นอยู่วันเดียวของผู้ปรารภความ
                เพียรมั่น  มีปัญญา   มีความเพ่ง   เห็นความ
                เกิดและความเสื่อมประเสริฐ  ดังนี้.
         เมื่อจะทรงแสดงความเป็นไปของร่างกายและจิตของพระองค์  จึงตรัส
สองคาถาว่านทีนมฺปิ  ดังนี้เป็นต้น.  สองคาถานั้นโดยความปรากฏชัดดีแล้ว แต่
อรรถกถาอธิบายไว้ว่า  ลมใดที่ตั้งขึ้นจากความเพียรในการเพ่งลมหายใจแต่น้อย
ปั่นป่วนในสรีระของเรา   ลมนี้พึงพัดกระแสแม่น้ำคงคาและยมุนาเป็นต้น    ให้
เหือดแห้งไปได้  เลือดประมาณ  ๔  ทะนานของเราผู้มีใจเด็ดเดี่ยว  ไม่พึงเหือด
แห้ง  มิใช่เพียงโลหิตของเราเท่านั้นเหือดแห้งไป  ก็เมื่อโลหิตเหือดแห้งไป  ดีที่
อยู่ในร่างกายทั้งประเภทที่เกี่ยวพันและไม่เกี่ยวพัน  ย่อมเหือดแห้งไป  เสมหะประ-
มาน ๔   ทะนาน   ปกปิดการกินการดื่มเป็นต้น   ทั้งอะไรอื่นอีก  ย่อมเหือดแห้งไป
เพราะฉะนั้น   น้ำมูตรและอาหารมีรสย่อมเหือดแห้งไป  ก็เมื่อน้ำมูตรและอาหาร
มีรสเหือดแห้งไป   แม้เนื้อก็สิ้นไป   เมื่อเนื้อของเราสิ้นไปโดยลำดับอย่างนี้    จิต
ย่อมเลื่อมใสโดยยิ่ง   จิตมิได้จมลงเพราะสิ่งนั้นเป็นปัจจัย  ท่านนั้นไม่รู้จิตเช่นนี้
เห็นเพียงสรีระเท่านั้นก็พูดว่า    ท่านซูบผอมมีผิวพรรณเศร้าหมอง   ความตาย
ของท่านอยู่ในที่ใกล้    ดังนี้    เพราะเหตุนั้นมิใช่จิตของเราอย่างเดียวเท่านั้น
เลื่อมใส   แม้สติ   ปัญญาและสมาธิของเราย่อมตั้งมั่นโดยยิ่ง   ความประมาทก็ดี
ความลุ่มหลงก็ดี   ความฟุ้งซ่านของจิตก็ดี   แม้เพียงน้อยหนึ่งก็มิได้มี     เมื่อเรา
อยู่อย่างนี้   สมณะและพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง   ย่อมเสวยเวทนาอันเจ็บปวด
ตลอดกาล    ทั้งที่เป็นอดีต  อนาคต  หรือปัจจุบัน    จิตของผู้ได้รับเวทนาอัน
หน้า ๔๐๒