| เป็นอยู่วันเดียวของผู้ปรารภความ |
| เพียรมั่น มีปัญญา มีความเพ่ง เห็นความ |
| เกิดและความเสื่อมประเสริฐ ดังนี้. |
| เมื่อจะทรงแสดงความเป็นไปของร่างกายและจิตของพระองค์ จึงตรัส |
| สองคาถาว่านทีนมฺปิ ดังนี้เป็นต้น. สองคาถานั้นโดยความปรากฏชัดดีแล้ว แต่ |
| อรรถกถาอธิบายไว้ว่า ลมใดที่ตั้งขึ้นจากความเพียรในการเพ่งลมหายใจแต่น้อย |
| ปั่นป่วนในสรีระของเรา ลมนี้พึงพัดกระแสแม่น้ำคงคาและยมุนาเป็นต้น ให้ |
| เหือดแห้งไปได้ เลือดประมาณ ๔ ทะนานของเราผู้มีใจเด็ดเดี่ยว ไม่พึงเหือด |
| แห้ง มิใช่เพียงโลหิตของเราเท่านั้นเหือดแห้งไป ก็เมื่อโลหิตเหือดแห้งไป ดีที่ |
| อยู่ในร่างกายทั้งประเภทที่เกี่ยวพันและไม่เกี่ยวพัน ย่อมเหือดแห้งไป เสมหะประ- |
| มาน ๔ ทะนาน ปกปิดการกินการดื่มเป็นต้น ทั้งอะไรอื่นอีก ย่อมเหือดแห้งไป |
| เพราะฉะนั้น น้ำมูตรและอาหารมีรสย่อมเหือดแห้งไป ก็เมื่อน้ำมูตรและอาหาร |
| มีรสเหือดแห้งไป แม้เนื้อก็สิ้นไป เมื่อเนื้อของเราสิ้นไปโดยลำดับอย่างนี้ จิต |
| ย่อมเลื่อมใสโดยยิ่ง จิตมิได้จมลงเพราะสิ่งนั้นเป็นปัจจัย ท่านนั้นไม่รู้จิตเช่นนี้ |
| เห็นเพียงสรีระเท่านั้นก็พูดว่า ท่านซูบผอมมีผิวพรรณเศร้าหมอง ความตาย |
| ของท่านอยู่ในที่ใกล้ ดังนี้ เพราะเหตุนั้นมิใช่จิตของเราอย่างเดียวเท่านั้น |
| เลื่อมใส แม้สติ ปัญญาและสมาธิของเราย่อมตั้งมั่นโดยยิ่ง ความประมาทก็ดี |
| ความลุ่มหลงก็ดี ความฟุ้งซ่านของจิตก็ดี แม้เพียงน้อยหนึ่งก็มิได้มี เมื่อเรา |
| อยู่อย่างนี้ สมณะและพราหมณ์พวกใดพวกหนึ่ง ย่อมเสวยเวทนาอันเจ็บปวด |
| ตลอดกาล ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต หรือปัจจุบัน จิตของผู้ได้รับเวทนาอัน |