| แรงกล้า อันเป็นตัวอย่างของเวทนาเหล่านั้น ย่อมเพ่งเล็งถึงความสุขของผู้อื่น |
| ผู้อันทุกข์ถูกต้องแล้ว เพ่งเล็งถึงความร้อน เมื่อได้รับความหนาว เพ่งเล็งถึง |
| ความหนาว เมื่อได้รับความร้อน เพ่งเล็งถึงโภชนะ เมื่อได้รับความหิว |
| เพ่งเล็งถึงน้ำ เมื่อได้รับความกระหาย ฉันใด จิตย่อมไม่เพ่งเล็งในกามคุณ ๕ |
| แม้กามอย่างหนึ่งฉันนั้น จิตองเราไม่เกิดด้วยอาการเช่นนี้ว่าไฉนหนอ เราพึง |
| บริโภคอาหารดี ที่นอนสบาย ที่นั่งสบาย ดูก่อนมาร ท่านจงดูความที่สัตว์เป็น |
| ผู้บริสุทธิ์. |
| พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแสดงความที่พระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์ เพื่อ |
| หักร้างความปรารถนาของมารผู้มาแล้ว ด้วยหวังว่า จักห้ามพระองค์ เมื่อจะ |
| ทรงประกาศกะมารและเสนามาร แล้วทรงแสดงความที่พระองค์เป็นผู้อันมาร |
| และเสนามารให้แพ้ไม่ได้ด้วยอาการอย่างนี้ จึงกล่าวคาถา ๖ คาถามีอาทิว่า |
| กามา เต ปมา เสนา กามทั้งหลายเป็นเสนาที่หนึ่งของท่าน. |
| เพราะกิเลสกามทั้งหลาย ย่อมยังสัตว์ผู้รองเรือนให้ลุ่มหลงในวัตถุ |
| กามทั้งหลายแต่ต้นทีเดียว เมื่อสัตว์ทั้งหลายถูกกิเลสกามครอบงำเข้าไปบวช |
| แล้ว ก็จะเกิดความไม่ยินดีในเสนาสนะอันสงัด หรือในธรรมอันเป็นอธิกุสล |
| อย่างใดอย่างหนึ่ง. สมดังที่ท่านกล่าวว่า ปพฺพชิเตน โข อาวุโส อภิรติ |
| ทุกฺกรา ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ความยินดียิ่งอันบรรพชิตทำได้ยากดังนี้. แต่ |
| นั้นความหิวกระหายย่อมเบียดเบียน เพราะมีชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่น เพราะถูกความ |
| หิวกระหายเบียดเบียน ความอยากในการแสวงหา ย่อมทำให้จิตเหนื่อยหน่าย |
| เมื่อเป็นเช่นนั้น ถีนมิทธะ (ความง่วงเหงาหาวนอน) ย่อมครอบงำผู้มีจิต |