๔๐๕    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๔๐๗
อาหารหยาบมาเพิ่มกำลัง  ในวันเพ็ญเดือน  ๖   เสวยข้าวปุายาสของนางสุชาดา
เป็นครั้งแรก    ประทับนั่งพักกลางวัน  ณ  ไพรสณฑ์อันเจริญ  ยังสมาบัติ  ๘
ให้เกิด  ณ  ที่นั้น   กลางวันผ่าน ไป  ในตอนเย็นเสด็จบ่ายพระพักตร์ไปยังควง
มหาโพธิ  ทรงเกลี่ยกำหญ้า ๘ กำที่โสตถิยพราหมณ์ถวาย  ณ  โคนโพธิ  เป็นผู้
ที่เทวดาในหมื่นโลกธาตุกระทำการบูชาสักการะมาก   ทรงอธิษฐานความเพียรมี
องค์   ว่า   แม้เลือดเนื้อในร่างกายของเราจะเหือดแห้งไป    เหลือแต่หนังเอ็น
กระดูกก็ตาม   แล้วทรงทำปฏิญญาว่า   บัดนี้เรายังไม่บรรลุความเป็นพุทธะแล้ว
จักไม่ทำลายบัลลังก์ ดังนี้. เสด็จประทับนั่ง ณ อปราชิตบัลลังก์ (บัลลังก์ที่ไม่มี
ผู้ทำให้แพ้ได้).
         มารผู้ใจบาปรู้ดังนั้นแล้ว  จึงคิดว่า  วันนี้สิทธัตถะนั่งทำปฏิญญา วันนี้
เดี๋ยวนี้     เราจะต้องห้ามปฎิญญาของสิทธัตถะนั้น     จึงประชุมมารเสนาตั้งแต่
โพธิมณฑลถึงสุดจักรวาล   กว้างยาว ๑๒ โยชน์   เบื้องบน ๙ โยชน์ ขี่พญาช้าง
ศิริเมขล์ประมาณ  ๑๕๐  โยชน์    เนรมิตแขนพันหนึ่ง     ถืออาวุธนานาชนิด
ประกาศว่า   จงจับ   จงฆ่า   จงประหาร   บันดาลฝนดังที่กล่าวแล้วในอาฬวก-
สูตรให้ตกลง     ฝนตกถึงพระมหาบุรุษมีประการดังได้กล่าวแล้วในอาฬวกสูตร
นั้น.  แต่นั้นมารเอาขอวชิระสับที่กระพองช้าง  ไสเข้าไปใกล้พระมหาบุรุษแล้ว
กล่าวว่า  ดูก่อนสิทธัตถะผู้เจริญ      จงลุกขึ้นจากบัลลังก์.   พระมหาบุรุษตรัสว่า
ดูก่อนมาร   เราไม่ลุก   ทรงตรวจดูเสนานั้นโดยรอบ   ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้
ว่า  สมนฺตา  ธชินึ   เสนาโดยรอบ  ดังนี้.
         ในบทเหล่านั้น     บทว่า    ธชินึ     คือเสนา.   บทว่า  ยุตฺตํ  ได้แก่
ขวนขวายแล้ว.    บทว่า    สวาหนํ    คือ  ร่วมกับพญาช้างคิรีเมขล์.  บทว่า
หน้า ๔๐๖