| อาหารหยาบมาเพิ่มกำลัง ในวันเพ็ญเดือน ๖ เสวยข้าวปุายาสของนางสุชาดา |
| เป็นครั้งแรก ประทับนั่งพักกลางวัน ณ ไพรสณฑ์อันเจริญ ยังสมาบัติ ๘ |
| ให้เกิด ณ ที่นั้น กลางวันผ่าน ไป ในตอนเย็นเสด็จบ่ายพระพักตร์ไปยังควง |
| มหาโพธิ ทรงเกลี่ยกำหญ้า ๘ กำที่โสตถิยพราหมณ์ถวาย ณ โคนโพธิ เป็นผู้ |
| ที่เทวดาในหมื่นโลกธาตุกระทำการบูชาสักการะมาก ทรงอธิษฐานความเพียรมี |
| องค์ ว่า แม้เลือดเนื้อในร่างกายของเราจะเหือดแห้งไป เหลือแต่หนังเอ็น |
| กระดูกก็ตาม แล้วทรงทำปฏิญญาว่า บัดนี้เรายังไม่บรรลุความเป็นพุทธะแล้ว |
| จักไม่ทำลายบัลลังก์ ดังนี้. เสด็จประทับนั่ง ณ อปราชิตบัลลังก์ (บัลลังก์ที่ไม่มี |
| ผู้ทำให้แพ้ได้). |
| มารผู้ใจบาปรู้ดังนั้นแล้ว จึงคิดว่า วันนี้สิทธัตถะนั่งทำปฏิญญา วันนี้ |
| เดี๋ยวนี้ เราจะต้องห้ามปฎิญญาของสิทธัตถะนั้น จึงประชุมมารเสนาตั้งแต่ |
| โพธิมณฑลถึงสุดจักรวาล กว้างยาว ๑๒ โยชน์ เบื้องบน ๙ โยชน์ ขี่พญาช้าง |
| ศิริเมขล์ประมาณ ๑๕๐ โยชน์ เนรมิตแขนพันหนึ่ง ถืออาวุธนานาชนิด |
| ประกาศว่า จงจับ จงฆ่า จงประหาร บันดาลฝนดังที่กล่าวแล้วในอาฬวก- |
| สูตรให้ตกลง ฝนตกถึงพระมหาบุรุษมีประการดังได้กล่าวแล้วในอาฬวกสูตร |
| นั้น. แต่นั้นมารเอาขอวชิระสับที่กระพองช้าง ไสเข้าไปใกล้พระมหาบุรุษแล้ว |
| กล่าวว่า ดูก่อนสิทธัตถะผู้เจริญ จงลุกขึ้นจากบัลลังก์. พระมหาบุรุษตรัสว่า |
| ดูก่อนมาร เราไม่ลุก ทรงตรวจดูเสนานั้นโดยรอบ ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ |
| ว่า สมนฺตา ธชินึ เสนาโดยรอบ ดังนี้. |
| ในบทเหล่านั้น บทว่า ธชินึ คือเสนา. บทว่า ยุตฺตํ ได้แก่ |
| ขวนขวายแล้ว. บทว่า สวาหนํ คือ ร่วมกับพญาช้างคิรีเมขล์. บทว่า |