๔๐๗    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๔๐๙
ถามว่า ทำไมไม่กลัว.  ทรงตอบว่า เพราะเราได้ทำบุญบารมีมีทานบารมีเป็นต้น.
มารทูลถามว่า ใครรู้ว่าท่านได้ทำบารมีมีทานบารมีเป็นต้น.   ตรัสว่า  ดูก่อนมารผู้
ใจบาป ประโยชน์อะไรด้วยหาพยานในภพนี้ ก็เมื่อเราเป็นเวสสันดรในภพหนึ่ง
ได้ทำทานอันใดไว้     ด้วยอานุภาพของทานนั้น      มหาปฐพีนี้แหละเป็นพยาน
ได้เกิดไหวโดยประการ ๖ อย่างถึง ๗ ครั้ง.  เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้
แล้ว  มหาปฐพีได้ไหวลงไปถึงที่สุดน้ำคำรามเสียงน่ากลัว   มารได้ยินดุจสายฟ้า
ตกใจกลัว  ขับไล่เสนาหนีไปพร้อมด้วยบริษัท.
         ลำดับนั้น  พระมหาบุรุษทรงตรัสรู้วิชา ๓  โดย ๓ ยาม  พออรุณขึ้น
ทรงเปล่งอุทานนี้ว่า   อเนกชาติสํสารํ  ฯเปฯ  ตณฺหานํ  ขยมชฺฌคา   ความว่า
เราแสวงหานายช่างเรือนคืออัตภาพ   เมื่อไม่พบได้ท่องเที่ยวไปสู่สงสารนับชาติ
ไม่น้อย  ความเกิดบ่อย ๆ  เป็นทุกข์ ดูก่อนช่างทำเรือน  เราเห็นท่านแล้ว  ท่าน
ทำเรือนอีกต่อไปไม่ได้แล้ว    ซี่โครงของท่านเราหักเสียแล้ว    เรือนยอดเรารื้อ
ออกแล้ว   จิตของเราถึงวิสังขาร   เพราะถึงความสิ้นตัณหาแล้ว   ดังนี้.
         มารกลับมาด้วยได้ยินเสียงอุทานว่า    สิทธัตถะนี้ปฏิญาณณว่า   เราเป็น
พระพุทธเจ้าแล้ว   จึงคิดว่า   เอาเถิด   เราจะติดตามเพื่อดูความประพฤติ   หาก
พระพุทธเจ้าผู้นี้จักมีความผิดพลาดทางกายก็ดี    ทางวาจาก็ดี   เราจักทำลายเสีย
จึงติดตามไปตลอด  ๖ ปี ณ ที่ประทับของพระโพธิสัตว์ในกาลก่อน แล้วติดตาม
พระองค์ผู้ถึงความเป็นพุทธะแล้วอีก  ๑  ปี.   ถึงกระนั้นมารก็ไม่เห็นความผิด-
พลาดไร ๆ ของพระผู้มีพระภาคเจ้า   จึงได้กล่าวคาถาด้วยความท้อใจว่า  สตฺต
วสฺสานิ   ตลอด ๗  ปี  ดังนี้เป็นต้น.
         ในบทเหล่านั้น  บทว่า   โอตารํ   ได้ช่อง.  บทว่า  นาธิคจฺฉิสฺสํ
คือเราไม่ประสบ.  บทว่า    เมทวณฺณํ    ได้แก่   คล้ายก้อนมันข้น.    บทว่า
หน้า ๔๐๘