๔๐๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๔๑๐
อนุปริยคา   คือได้ไปรอบ  ๆ.  บทว่า  มุทุ    คือความอ่อนโยน.   บทว่า
วินฺเทม  ได้แก่  เราจะประสบ.  บทว่า  อสฺสาทนํ  ได้แก่ ความดี.  บทว่า
วายเสตฺโต   ตัดบทเป็น   วายโส    เอตฺโต    ได้แก่  กาหลีกไปข้างโน้น .
บทที่เหลือในสูตรนี้ปรากฏชัดดีแล้ว. แต่โยชนาแก้ว่า    มารคิดว่าเรามองหา
ช่องติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าตลอด ๗ ปี   ไม่ละทางและมิใช่ทางในที่ไหน ๆ
แม้ติดตามอย่างนี้แล้ว      ก็ไม่ประสบช่องเหมือนกาสำคัญว่าหินมีสีคล้ายมันข้น
ว่าเป็นมันข้น  เอาจะงอยปากจิกที่ข้างหนึ่ง  ไม่ประสบความพอใจจึงจิกไปรอบ ๆ
ด้วยหวังว่า     ถ้ากระไรเราจะประสบความอ่อนที่ตรงนี้   ความพอใจจะพึงมี
ข้างนี้บ้าง  ดังนี้  จึงจิกไปรอบ ๆ  ก็ไม่ได้ความพอใจตรงไหน   เลยท้อเเท้ว่า
นี้ต้องเป็นหินแน่ ๆ  แล้วหลีกไป  ฉันใด   เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน    เพราะค่าที่
ตนมีปัญญาเล็กน้อยเอาจะงอยปากทิ่มแทงพระผู้มีพระภาคเจ้า   ในกายกรรม
เป็นต้นติดตามไปโดยรอบคิดว่า ไฉนหนอเราจะประสบความอ่อนมีกายสมาจาร
อันไม่บริสุทธิ์เป็นต้นในที่ไหน ๆ บ้าง  ความพอใจจะพึงมีจากที่นั้นบ้าง  บัดนี้
เราไม่ได้ความพอใจ     เหมือนกามาถึงไศลบรรพตแล้วท้อแท้     คือเรามาถึง
พระโคดมแล้วหลีกไป.
         นัยว่า  เมื่อมารกล่าวอย่างนี้เกิดความเศร้าโศกอย่างแรงกล้าอาศัยความ
ดิ้นรนอันไร้ผลมาตลอด ๗ ปี  ด้วยเหตุนั้นพิณน้ำเต้าของมารผู้มีอังคาพยพน้อย
ใหญ่ทรุดลงได้ตกจากรักแร้.     ด้วยว่าพิณนั้นอันผู้ฉลาดดีดครั้งเดียวเปล่งเสียง
ไพเราะไปถึง ๔ เดือน  ท้าวสักกะรับพิณนั้นมอบให้ปัญจสิขเทพบุตร. มารนั้น
แม้พิณตกก็ไม่รู้สึก.  ด้วยเหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
หน้า ๔๐๙