| อนุปริยคา คือได้ไปรอบ ๆ. บทว่า มุทุ คือความอ่อนโยน. บทว่า |
| วินฺเทม ได้แก่ เราจะประสบ. บทว่า อสฺสาทนํ ได้แก่ ความดี. บทว่า |
| วายเสตฺโต ตัดบทเป็น วายโส เอตฺโต ได้แก่ กาหลีกไปข้างโน้น . |
| บทที่เหลือในสูตรนี้ปรากฏชัดดีแล้ว. แต่โยชนาแก้ว่า มารคิดว่าเรามองหา |
| ช่องติดตามพระผู้มีพระภาคเจ้าตลอด ๗ ปี ไม่ละทางและมิใช่ทางในที่ไหน ๆ |
| แม้ติดตามอย่างนี้แล้ว ก็ไม่ประสบช่องเหมือนกาสำคัญว่าหินมีสีคล้ายมันข้น |
| ว่าเป็นมันข้น เอาจะงอยปากจิกที่ข้างหนึ่ง ไม่ประสบความพอใจจึงจิกไปรอบ ๆ |
| ด้วยหวังว่า ถ้ากระไรเราจะประสบความอ่อนที่ตรงนี้ ความพอใจจะพึงมี |
| ข้างนี้บ้าง ดังนี้ จึงจิกไปรอบ ๆ ก็ไม่ได้ความพอใจตรงไหน เลยท้อเเท้ว่า |
| นี้ต้องเป็นหินแน่ ๆ แล้วหลีกไป ฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะค่าที่ |
| ตนมีปัญญาเล็กน้อยเอาจะงอยปากทิ่มแทงพระผู้มีพระภาคเจ้า ในกายกรรม |
| เป็นต้นติดตามไปโดยรอบคิดว่า ไฉนหนอเราจะประสบความอ่อนมีกายสมาจาร |
| อันไม่บริสุทธิ์เป็นต้นในที่ไหน ๆ บ้าง ความพอใจจะพึงมีจากที่นั้นบ้าง บัดนี้ |
| เราไม่ได้ความพอใจ เหมือนกามาถึงไศลบรรพตแล้วท้อแท้ คือเรามาถึง |
| พระโคดมแล้วหลีกไป. |
| นัยว่า เมื่อมารกล่าวอย่างนี้เกิดความเศร้าโศกอย่างแรงกล้าอาศัยความ |
| ดิ้นรนอันไร้ผลมาตลอด ๗ ปี ด้วยเหตุนั้นพิณน้ำเต้าของมารผู้มีอังคาพยพน้อย |
| ใหญ่ทรุดลงได้ตกจากรักแร้. ด้วยว่าพิณนั้นอันผู้ฉลาดดีดครั้งเดียวเปล่งเสียง |
| ไพเราะไปถึง ๔ เดือน ท้าวสักกะรับพิณนั้นมอบให้ปัญจสิขเทพบุตร. มารนั้น |
| แม้พิณตกก็ไม่รู้สึก. ด้วยเหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า |