๔๑๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๔๑๓
                ข้อนั้นเป็นที่  ๒ บุคคลพึงกล่าวคำอันเป็นที่รัก
                ไม่พึงกล่าวคำอันไม่เป็นที่รัก   ข้อนั้นเป็นที่ ๓
                บุคคลพึงกล่าวคำสัตย์   ไม่พึงกล่าวคำเหลาะ-
                แหละ  ข้อนั้นเป็นที่ ๔  ดังนี้.
         [๓๕๗]   ลำดับนั้นแล   ท่านพระวังคีสะลุกจากอาสนะ  ห่มจีวรเฉวียง-
บ่าข้างหนึ่ง    ประณมอัญชลีไปทางที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่      แล้วได้
กราบทูลว่า   ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า     พระธรรมเทสนา     ย่อมแจ่มแจ้งแก่
ข้าพระองค์     ข้าแต่พระสุคต      พระธรรมเทศนาย่อมแจ่มแจ้งแก่ข้าพระองค์.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า   ดูก่อนวังคีสะ    ธรรมเทศนาจงแจ่มแจ้งกะเธอเถิด.
         ลำดับนั้นแล     ท่านพระวังคีสะได้ชมเชยด้วยคาถาทั้งหลายอันสมควร
ในที่เฉพาะพระพักตร์ว่า
                        บุคคลพึงกล่าววาจาอันไม่เป็นเครื่อง
                ทำตนให้เดือดร้อน     และไม่พึงเบียดเบียน
                ผู้อื่น  วาจานั้นเป็นสุภาษิตแท้.
                        บุคคลพึงกล่าวแต่วาจาอันเป็นที่รัก
                อันชนชื่นชม    ไม่ถือเอาคำอันลามก  กล่าว
                วาจาอันเป็นที่รักของผู้อื่น.
                        คำสัตย์แลเป็นวาจาไม่ตาย   ธรรมนี้
                เป็นของเก่า   สัตบุรุษทั้งหลายตั้งมั่นแล้วใน
                คำสัตย์   ที่เป็นอรรถและเป็นธรรม.
หน้า ๔๑๒