๔๑๔    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๔๑๖
พระศาสดาตั้งแต่ออกบวชและรับคำสอนได้ตลอด   ชื่อว่าเป็นผู้ใกล้ชิด  เพราะ
เมื่อภิกษุเหล่านั้นนั่งในที่นั้นก็นั่งใกล้พระศาสดา       ชื่อว่าเตรียมพร้อมทุกเมื่อ
เพราะเป็นผู้อยู่ในสำนักของพระศาสดา  ด้วยเหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้า  เมื่อจะ
ทรงแสดงธรรมทั่วไปแก่บริษัททั้งหมด  จึงตรัสเรียกภิกษุเท่านั้น.  อีกอย่างหนึ่ง
ท่านจำแนกไว้ว่า  พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุเหล่านั้นด้วยพระดำรัสนี้ว่า
ภิกษุ  เพราะเป็นผู้ปฏิบัติตามที่สอน.  บทว่า   ภทนฺเต  นี้  เป็นชื่อของความ
เคารพ.  บทว่า เต  ภิกฺขู  ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุเหล่าใด
ภิกษุเหล่านั้นแลทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคเจ้าที่พระองค์ตรัสเรียก.
         บทว่า  จตูหิ  องฺเคหิ   คือแต่เหตุ  ๔  หรือด้วยส่วน ๔.   เหตุแห่ง
วาจาสุภาษิต  ๔  มีเว้นจากพูดเท็จเป็นต้น   ส่วน  ๔  มีพูดจริงเป็นต้น.   อนึ่ง
อังคศัพท์ใช้ในอรรถว่า เหตุ.  บทว่า สมนฺนาคตา  คือมาตามเสมอ เป็นไป
แล้วและประกอบแล้ว. บทว่า วาจา ได้แก่วาจาที่สนทนากันมาในบทมีอาทิว่า
การเปล่งวาจาไพเราะ   และการเปล่งวาจาไม่มีโทษ  ไพเราะหู,   วิญญัตติวาจา
(พูดขอร้อง) อย่างนี้ว่า  หากท่านทำกรรมด้วยวาจาเป็นต้น.   วิรติวาจา (พูดเว้น )
อย่างนี้ว่า  การงดเว้นจากวจีทุจริต  ๔ นี้เรียกว่าสัมมาวาจาเป็นต้น   และเจตนา-
วาจา  (พูดด้วยเจตนา)    อย่างนี้ว่า    ดูก่อนภิกษุทั้งหลายวาจาหยาบที่เสพมาก
อบรมแล้วทำให้มากจะยังสัตว์ให้ไปนรก  ดังนี้เป็นต้น   ย่อมมาด้วยบทว่า  วาจา
วาจานั้นท่านไม่ประสงค์เอาในสูตรนี้.   เพราะเหตุไร  เพราะไม่ควรพูด.
         บทว่า  สุภาสิตา   โหติ ได้แก่ กล่าวคำชอบ  ด้วยเหตุนั้นท่านแสดง
ความที่วาจานั้นนำประโยชน์มาให้.    บทว่า  น  ทุพฺภาสิตา   ได้แก่  กล่าว
๑. อภิ. วิ. ๓๕/ ข้อ ๑๗๘.
หน้า ๔๑๕