๔๒๐    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๔๒๒
ไม่ถือเอาคำลามก  คือ  คำไม่เป็นที่รัก  คำน่าเกลียด  คำหยาบแก่ผู้อื่น  พึงกล่าว
แต่วาจาน่ารักอย่างเดียวนั้น.    พระวังคีสเถระสรรเสริญพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย
วาจาน่ารักด้วยคาถานี้.  บทว่า  อมตา  ได้แก่ วาจาเช่นอมตะ  เพราะไพเราะ.
สมดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า  สจฺจํ  หเว  สาธุตรํ  รสานํ   คำสัจแล
ประเสริฐกว่ารสทั้งหลาย.
         อีกอย่างหนึ่ง  วาจาชื่อว่าเป็นอมตะ   เพราะเป็นปัจจัยแห่งอมตะ  คือ
นิพพาน.   บทว่า  เอส    ธมฺโม  สนนฺตโน   ได้แก่ ธรรมคือสัจวาจาเป็น
ของเก่า เป็นจริยธรรม ปเวณิธรรม.  สัจจะนี้แลประพฤติกันมาแต่โบราณ ท่าน
เหล่านั้นไม่พูดเหลาะแหละ.    ด้วยเหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า  สจฺเจ
อตฺเถ  จ   ธมฺเม  จ  อหุ  สนฺโต   ปติฏฺ€ิตา   สัตบุรุษทั้งหลายตั้งอยู่ใน
สัจจะที่เป็นอรรถและธรรม.  ในบทนั้นพึงทราบว่า  เพราะตั้งอยู่ในสัจจะนั่นแล
จึงชื่อว่าตั้งอยู่ในประโยชน์ตนและผู้อื่น     เพราะตั้งอยู่ในประโยชน์นั้นเเล  จึง
ชื่อว่าเป็นผู้ตั้งอยู่ในธรรม. พึงทราบว่า ทั้งสองนั้นเป็นวิเสสนะของสัจจะนั่นเอง.
ตั้งอยู่ในสัจจะเป็นเช่นไร     คือที่เป็นอรรถและเป็นธรรม.    ท่านอธิบายไว้ว่า
ทำความพอใจ   ชื่อว่าเป็นประโยชน์    เพราะไม่ปราศจากประโยชน์ของผู้อื่น.
อนึ่ง    ท่านอธิบายไว้ว่า    เมื่อมีความพอใจ    ย่อมทำสิ่งที่มีความเป็นธรรม
อันชื่อว่าธรรม   เพราะไม่ปราศจากธรรม  ให้สำเร็จ.  พระวังคีสเถระสรรเสริญ
พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคำสัจ    ด้วยคาถานี้.    บทว่า   เขมํ   ได้แก่ ไม่มีภัย
คือ  ไม่มีอันตราย.    หากมีคำถามว่า    เพราะเหตุไร.   ตอบว่า  ให้ถึงการดับ
กิเลสด้วยการบรรลุพระนิพพาน    ทำที่สุดแห่งทุกข์    อธิบายว่า    ย่อมเป็นไป
เพื่อทำที่สุดทุกข์ในวัฏฏะ.
หน้า ๔๒๑