๔๒    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๔๔
         พระผู้มีพระภาคเจ้า    ครั้นตรัสความที่นิพพานธรรม    เป็นธรรมไม่
เสมอด้วยธรรมเหล่าอื่นอย่างนี้แล้ว    บัดนี้     เพื่อความเข้าไปสงบแห่งอุปัทวะ
ซึ่งบังเกิดขึ้นแล้วแก่สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น       ทรงอาศัยความที่ธรรมรัตนะ  คือ
พระนิพพาน   เป็นธรรมไม่เช่นกับคุณธรรมทั้งหลาย   มีขยธรรม    วิราคธรรม
อมตธรรม  และปณีตธรรม  จึงทรงประกอบสัจวาจาว่า
                อิทมฺปิ  ธมฺเม  รตนํ  ปณีตํ
                เอเตน   สจฺเจน  สุวตฺถิ   โหตุ.
                        ธรรมรัตนะแม้นี้เป็นรัตนะอันประ-
                ณีต  ด้วยสัจวาจานี้    ขอความสวัสดีจงมีแก่
                สัตว์เหล่านี้   ดังนี้.
         เนื้อความแห่งคาถานั้น    บัณฑิตพึงทราบโดยนัยที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้แล้ว
ในคาถาก่อนนั้นแล    อาชญา (อำนาจป้องกัน) แห่งคาถาแม้นี้      อันอมนุษย์
ทั้งหลายในแสนโกฏิจักรวาลได้รับแล้ว.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสสัจวาจา    ด้วยธรรมคุณคือพระนิพพาน
อย่างนี้แล้ว   แม้ในบัดนี้เมื่อจะตรัสธรรมคุณคือมรรค  จึงทรงเริ่มว่า  ยมฺพุทฺธ-
เสฏฺโ€   ปริวณฺณยี  สุจึ  ดังนี้.
         ในพระคาถานี้    พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า   พุทธะ  โดยนัยว่า  พระองค์ทรง
ตรัสรู้สัจจะทั้งหลาย  ดังนี้เป็นต้น,  ชื่อว่า  ประเสริฐที่สุด  เพราะอรรถว่า  พระ
หน้า ๔๓