๔๘    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๕๐
ธัมมานุธัมมปฏิบัติที่ควรกระทำ   บรรลุแล้วซึ่งมรรคและผลทั้งหลาย     เพราะ
เหตุนั้น     ท่านจึงเรียกว่า  สาวก.
         บาทคาถาว่า  เอเตสุ  ทินฺนานิ   มหปฺผลานิ  ความว่า ทานทั้งหลาย
แม้จะน้อยที่บุคคลให้แล้วในสาวกของพระสุคตเจ้าทั้งหลายเหล่านี้   ชื่อว่า มีผล
มาก   เพราะทักษิณาทานเข้าถึงความบริสุทธิ์  ฝ่ายปฏิคคาหก (ผู้รับ)    เพราะ
ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสไว้แม้ในตอนกลาง ๆ แห่งอัคคัปปสาทสูตรว่า
ภิกษุทั้งหลาย หมู่หรือคณะมีประมาณเท่าใด  หมู่แห่งสาวกของพระตถาคต เรา
กล่าวว่าเลิศกว่าหมู่หรือคณะเหล่านั้น   คือคู่แห่งบุรุษ ๔ คู่   บุรุษบุคคล ๘  นี่
คือสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า     ชนทั้งหลายเหล่าใดเลื่อมใสแล้วในสงฆ์
สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า   ย่อมได้รับผลเลิศ.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสถึงคุณของสังฆรัตนะ   ด้วยสามารถบุคคล
ผู้ตั้งอยู่ในมรรคและผลแม้ทั้งปวง   อย่างนี้แล้ว    บัดนี้    ทรงอาศัยคุณข้อนั้น
ประกอบสัจวาจาว่า  อิทมฺปิ   สงฺเฆ  รตนํ  ปณีตํ  ดังนี้เป็นต้น.
         เนื้อความแห่งพระคาถานั้น      พึงทราบโดยนัยอันข้าพเจ้ากล่าวแล้วใน
ตอนต้นนั้นแล   อาชญาแห่งพระคาถาเหล่านี้   อันอมนุษย์ทั้งหลายในแสนโกฏิ-
จักรวาลรับแล้ว    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสัจวาจา   ด้วยคุณของสังฆรัตนะด้วย
สามารถแห่งท่านผู้ตั้งอยู่ในมรรค     และท่านผู้ตั้งอยู่ในผลอย่างนี้แล้ว    บัดนี้
ต่อแต่นั้นทรงปรารภจะตรัสสัจวาจา     ด้วยคุณแห่งพระขีณาสพทั้งหลายผู้เสวย
ความสุขอันเกิดจากผลสมาบัติบางจำพวกเท่านั้น    จึงตรัสว่า   เย  สุปฺปยุตฺตา
เป็นต้น.
หน้า ๔๙