๕๑    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๕๓
         พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสคุณแห่งพระสังฆรัตนะด้วยอำนาจบุคคลผู้
เป็นขีณาสพซึ่งเสวยความสุขอันเกิดจากผลสมาบัติเท่านั้น    อย่างนี้แล้ว    บัดนี้
ทรงอาศัยคุณนั้นเอง     ประกอบสัจวาจาว่า   อิทมฺปิ   สงฺเฆ  รตนํ  ปณีตํ
เป็นต้น.
         เนื้อความแห่งพระคาถานั้นพึงทราบโดยนัย   ที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ในตอน
ต้นนั้นแล.
         อาชญาแห่งคาถาแม้นี้  อันอมนุษย์ทั้งหลายในแสนโกฎิจักรวาลรับแล้ว.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสสัจจะ  อันมีพระสงฆ์เป็นตั้ง   ด้วยคุณ
แห่งพระขีณาสพบุคคลทั้งหลายอย่างนี้แล้ว      บัดนี้เพื่อจะกล่าวถึงคุณของพระ
โสดาบันอันประจักษ์แก่ชนจำนวนมากเท่านั้น     จึงทรงเริ่มว่า    ยถินฺทขีโล
ป€วึ   สิโต  สิยา  ดังนี้เป็นต้น.
         บรรดาบทเหล่านั้น  คำว่า  ยถา   เป็นคําอุปมา.
         คำว่า  อินฺทขีโล  นี้เป็นชื่อแห่งเสาไม้แก่น ที่เขาขุดแผ่นดินตอกลง
ไปลึก ๘ ศอก  หรือ ๑๐ ศอก  ที่ระหว่างประตูเพื่อป้องกันประตูพระนคร.
         บทว่า  ป€วึ   ได้แก่ พื้นดิน.
         บทว่า  สิโต   ได้แก่  ฝั่งตั้งไว้ภายในดิน.
         บทว่า  สิยา  ได้แก่  พึงเป็น.
         สองบทว่า  จตุพฺภิ  วาเตภิ  คือเพราะลมที่มาจากทิศทั้งสี่.
         บทว่า     อสมฺปกมฺปิโย    ได้แก่  ไม่อาจจะให้หวั่นไหวหรือจะให้
เคลื่อนได้.
หน้า ๕๒