๕๓    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๕๕
นั้นก็ไม่พัง ไม่หวั่นไหว ไม่สะเทือน ไม่เคลื่อน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ภิกษุ
ทั้งหลาย   เพราะเหตุที่เสาเขื่อนนั้นมีโคนลึก   เพราะเหตุที่เสาเขื่อนเขาฝังไว้ดี
แล้วแม้ฉันใด ภิกษุทั้งหลาย   สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง  ก็ฉันนั้น
เหมือนกันแล ย่อมทราบตามความเป็นจริงว่า นี่คือ ทุกข์ นี่คือเหตุให้เกิดทุกข์
นี่คือความดับทุกข์  นี่คือทางให้ถึงความดับทุกข์  สมณพราหมณ์เหล่านั้นหาได้
มองดูหน้าสมณพราหมณ์เหล่าอื่นไม่ว่า     สมณะหรือพราหมณ์ผู้นี้เป็นผู้รู้อยู่
ย่อมรู้  เห็นอยู่  ย่อมเห็น   ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร  ภิกษุทั้งหลาย  ข้อนั้นเป็น
เพราะว่า   สมณพราหมณ์เหล่านั้นได้เห็นอริยสัจ ๔ แจ่มชัดแล้ว.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสคุณแห่งพระสังฆรัตนะ   ด้วยอำนาจแห่ง
พระโสดาบัน   ซึ่งคนเป็นจำนวนมากเห็นได้ประจักษ์เท่านั้น   อย่างนี้แล้ว บัดนี้
ทรงอาศัยคุณนั้นนั่นเอง  จึงทรงประกอบสัจวาจาว่า    อิทมฺปิ   สงฺเฆ   รตนํ
ปณีตํ  ดังนี้.
         เนื้อความแห่งพระคาถานั้น    พึงทราบโดยนัยที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้แล้วใน
ตอนต้นนั้นเอง  อาชญาแห่งคาถาแม้นี้   อันอมนุษย์ในแสนโกฏิจักรวาลรับแล้ว.
         พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสสัจจะซึ่งพระสงฆ์เป็นที่ตั้ง    ด้วยคุณของ
พระโสดาบันโดยไม่เเปลกกันอย่างนี้แล้ว    บัดนี้   จึงตรัสว่า   พระโสดาบัน  ๓
จำพวกเหล่านั้น   คือ  เอกพิชี ๑  โกลังโกละ ๑  สัตตักขัตตุปรมะ  ๑ เหมือน
อย่างที่ท่านกล่าวไว้ว่า  บุคคลบางพวกในโลกนี้บรรลุโสดาบัน   เพราะความสิ้น
ไปแห่งสังโยชน์ทั้ง ๓ บุคคลนั้นบังเกิดอีกชาติเดียวเท่านั้น    ก็ทำที่สุดทุกข์ได้
๑. สัง. มหา. ๒๙/ข้อ ๑๗๒๓.
หน้า ๕๔