๕๖    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๕๘
ก่อนกว่าพระอริยะทุกจำพวก       เพราะความถึงพร้อมแห่งกิจอันท่านเห็นพระ
นิพพานแล้วจะพึงกระทำ     ความที่โสดาปัตติมรรคนั้นปรากฏในตน    ชื่อว่า
ทสฺสนสมฺปทา   ความถึงพร้อมด้วยทัสสนะ   ด้วยความถึงพร้อมด้วยทัสสน-
สัมปทานนั่นเอง.
         คำว่า  สุ  ในพระคาถานี้ว่า  ตยสฺสุ  ธมฺมา   ชหิตา  ภวนฺติ เป็น
นิบาต    ใช้ในอรรถทำบทให้เต็ม    เหมือนคำว่า  สุ   ในประโยคทั้งหลาย   มี
ประโยคอย่างนี้ว่า  อิทํสุ  เม  สาริปุตฺต  มหาวิกฏโภชนสฺมึ  โหติ.
         ในประโยคนี้มีเนื้อความเพียงนี้ว่า   ก็เพราะพระโสดาบันนั้นละคือสละ
ธรรม ๓ ประการเสียได้   พร้อมด้วยทัสสนสัมปทานั้น     เพื่อแสดงถึงธรรมที่
พระโสดาบันละได้แล้วในบัดนี้   พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า
                สกฺกายทิฏฺ€ิ  วิจิกิจฺฉิตญฺจ
                สีลพฺพตํ  วาปิ  ยทตฺถิ  กิญฺจิ
                        สักกายทิฏฐิ    และวิจิกิจฉา    หรือ
                สีลัพพตปรามาส  อันใดอันหนึ่งมีอยู่  ดังนี้.
         ในคาถานั้นพึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
         ทิฏฐิ  มีวัตถุ  ๒๐  ในกายที่มีอยู่   ได้แก่  ในกายกล่าวคืออุปาทาน-
ขันธ์ ๕ ชื่อว่า   สักกายทิฏฐิ.   อีกอย่างหนึ่ง   แม้ทิฏฐิที่มีอยู่ในกาย   ที่ชื่อว่า
สักกายทิฏฐิ    อธิบายว่า    ทิฏฐิที่มีอยู่ในกาย    มีประการดังข้าพเจ้ากล่าวแล้ว.
อีกอย่างหนึ่ง  ที่ชื่อว่า  สักกายทิฏฐิ   ก็เพราะอรรถว่า   เป็นทิฏฐิในกายที่มีอยู่
นั่นเอง  อธิบายว่า   ทิฏฐิที่เป็นไปอย่างนี้ว่า    ตัวตนกล่าวคืออรูปขันธ์เป็นต้น
ในกายที่มีอยู่มีประการตามที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้ว  ชื่อว่าสักกายทิฏฐิ.
หน้า ๕๗