| ก่อนกว่าพระอริยะทุกจำพวก เพราะความถึงพร้อมแห่งกิจอันท่านเห็นพระ |
| นิพพานแล้วจะพึงกระทำ ความที่โสดาปัตติมรรคนั้นปรากฏในตน ชื่อว่า |
| ทสฺสนสมฺปทา ความถึงพร้อมด้วยทัสสนะ ด้วยความถึงพร้อมด้วยทัสสน- |
| สัมปทานนั่นเอง. |
| คำว่า สุ ในพระคาถานี้ว่า ตยสฺสุ ธมฺมา ชหิตา ภวนฺติ เป็น |
| นิบาต ใช้ในอรรถทำบทให้เต็ม เหมือนคำว่า สุ ในประโยคทั้งหลาย มี |
| ประโยคอย่างนี้ว่า อิทํสุ เม สาริปุตฺต มหาวิกฏโภชนสฺมึ โหติ. |
| ในประโยคนี้มีเนื้อความเพียงนี้ว่า ก็เพราะพระโสดาบันนั้นละคือสละ |
| ธรรม ๓ ประการเสียได้ พร้อมด้วยทัสสนสัมปทานั้น เพื่อแสดงถึงธรรมที่ |
| พระโสดาบันละได้แล้วในบัดนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า |
| สกฺกายทิฏฺิ วิจิกิจฺฉิตญฺจ |
| สีลพฺพตํ วาปิ ยทตฺถิ กิญฺจิ |
| สักกายทิฏฐิ และวิจิกิจฉา หรือ |
| สีลัพพตปรามาส อันใดอันหนึ่งมีอยู่ ดังนี้. |
| ในคาถานั้นพึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้. |
| ทิฏฐิ มีวัตถุ ๒๐ ในกายที่มีอยู่ ได้แก่ ในกายกล่าวคืออุปาทาน- |
| ขันธ์ ๕ ชื่อว่า สักกายทิฏฐิ. อีกอย่างหนึ่ง แม้ทิฏฐิที่มีอยู่ในกาย ที่ชื่อว่า |
| สักกายทิฏฐิ อธิบายว่า ทิฏฐิที่มีอยู่ในกาย มีประการดังข้าพเจ้ากล่าวแล้ว. |
| อีกอย่างหนึ่ง ที่ชื่อว่า สักกายทิฏฐิ ก็เพราะอรรถว่า เป็นทิฏฐิในกายที่มีอยู่ |
| นั่นเอง อธิบายว่า ทิฏฐิที่เป็นไปอย่างนี้ว่า ตัวตนกล่าวคืออรูปขันธ์เป็นต้น |
| ในกายที่มีอยู่มีประการตามที่ข้าพเจ้ากล่าวแล้ว ชื่อว่าสักกายทิฏฐิ. |