๕๗    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๕๙
         ก็ทิฏฐิทุกประการ  เป็นอันพระโสดาบันนั้นละได้แล้ว   ก็เพราะท่านละ
สักกายทิฏฐินั้นได้แล้วนั่นเอง     ก็สักกายทิฏฐินั้นเป็นมูลรากแห่งทิฏฐิทั้งปวง
เหล่านั้น.
         ปัญญา   ท่านเรียกว่า   จิกิจฺฉิตํ  คุณชาติเครื่องเยียวยา   เพราะเข้า
ไปสงบพยาธิ (คือกิเลส) ทั้งปวง    ปัญญาที่เป็นตัวเยียวยานั้น     ไปปราศจาก
คุณชาตินี้   หรือว่าคุณชาตนี้   ไปปราศจากปัญญาที่เป็นตัวเยียวยานั้น    เพราะ
เหตุนั้น  คุณชาตินั้น   จึงชื่อว่า  วิจิกิจฺฉิตํ  (วิจิกิจฉา)  คำว่า   วิจิกิจฺฉิตํ
นั้นเป็นชื่อแห่งความสงสัยในวัตถุ  ๘  ประการ     ตามที่ท่านกล่าวไว้โดยนัยว่า
" ความสงสัยในพระศาสดา " ดังนี้เป็นต้น     ก็เพราะเหตุที่พระโสดาบันละความ
สงสัยนั้นเสียได้ ความสงสัยทุกอย่างจึงเป็นอันท่านละได้แล้ว   เพราะความสงสัย
นั้น  เป็นมูลรากแห่งความสงสัยทั้งปวง.
         ศีลหลายประการ มีศีลอย่างใด  ศีลอย่างสุนัขเป็นต้น   และวัตร  มีวัตร
ของโค    และวัตรของสุนัขเป็นต้น     ซึ่งมาแล้วในสูตรทั้งหลายมีอาทิอย่างนี้ว่า
" ความบริสุทธิ์ของสมณพราหมณ์  ภายนอกศาสนานี้  ย่อมมีด้วยศีล   (เช่นศีล
อย่างโคเป็นต้น ) ความบริสุทธิ์ย่อมมีด้วยวัตร  เช่นวัตรของโคเป็นต้น "  ดังนี้.
ท่านเรียกว่า  ศีลพรต   เพราะละศีลพรตนั้นเสียได้     ตบะที่ไม่ตายแม้ทั้งปวงมี
นัคคิยตบะ  ตบะของคนเปลือย  และมุณฑิยตบะ   ตบะของคนโล้นเป็นต้น  ก็
เป็นอันพระโสดาบันละได้.   เพราะว่าศีลพรตนั้นเป็นมูลรากแห่งศีลพรตทั้งปวง
เพราะเหตุนั้น   พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสไว้ในที่สุดแห่งคำทั้งปวง  (ท้ายบาท-
คาถา)  ว่า    ยทตฺถิ   กิญฺจิ     บัณฑิตพึงทราบว่า    ก็สักกายทิฏฐิ    ในคำว่า
หน้า ๕๘