ก็ทิฏฐิทุกประการ เป็นอันพระโสดาบันนั้นละได้แล้ว ก็เพราะท่านละ |
สักกายทิฏฐินั้นได้แล้วนั่นเอง ก็สักกายทิฏฐินั้นเป็นมูลรากแห่งทิฏฐิทั้งปวง |
เหล่านั้น. |
ปัญญา ท่านเรียกว่า จิกิจฺฉิตํ คุณชาติเครื่องเยียวยา เพราะเข้า |
ไปสงบพยาธิ (คือกิเลส) ทั้งปวง ปัญญาที่เป็นตัวเยียวยานั้น ไปปราศจาก |
คุณชาตินี้ หรือว่าคุณชาตนี้ ไปปราศจากปัญญาที่เป็นตัวเยียวยานั้น เพราะ |
เหตุนั้น คุณชาตินั้น จึงชื่อว่า วิจิกิจฺฉิตํ (วิจิกิจฉา) คำว่า วิจิกิจฺฉิตํ |
นั้นเป็นชื่อแห่งความสงสัยในวัตถุ ๘ ประการ ตามที่ท่านกล่าวไว้โดยนัยว่า |
" ความสงสัยในพระศาสดา " ดังนี้เป็นต้น ก็เพราะเหตุที่พระโสดาบันละความ |
สงสัยนั้นเสียได้ ความสงสัยทุกอย่างจึงเป็นอันท่านละได้แล้ว เพราะความสงสัย |
นั้น เป็นมูลรากแห่งความสงสัยทั้งปวง. |
ศีลหลายประการ มีศีลอย่างใด ศีลอย่างสุนัขเป็นต้น และวัตร มีวัตร |
ของโค และวัตรของสุนัขเป็นต้น ซึ่งมาแล้วในสูตรทั้งหลายมีอาทิอย่างนี้ว่า |
" ความบริสุทธิ์ของสมณพราหมณ์ ภายนอกศาสนานี้ ย่อมมีด้วยศีล (เช่นศีล |
อย่างโคเป็นต้น ) ความบริสุทธิ์ย่อมมีด้วยวัตร เช่นวัตรของโคเป็นต้น " ดังนี้. |
ท่านเรียกว่า ศีลพรต เพราะละศีลพรตนั้นเสียได้ ตบะที่ไม่ตายแม้ทั้งปวงมี |
นัคคิยตบะ ตบะของคนเปลือย และมุณฑิยตบะ ตบะของคนโล้นเป็นต้น ก็ |
เป็นอันพระโสดาบันละได้. เพราะว่าศีลพรตนั้นเป็นมูลรากแห่งศีลพรตทั้งปวง |
เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสไว้ในที่สุดแห่งคำทั้งปวง (ท้ายบาท- |
คาถา) ว่า ยทตฺถิ กิญฺจิ บัณฑิตพึงทราบว่า ก็สักกายทิฏฐิ ในคำว่า |