๕๙    ๔๗.พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๖    ๖๑
พระภาคเจ้าก็ตรัสไว้  เพื่อจะติเตียนความเป็นปุถุชน   ด้วยว่าปุถุชนย่อมกระทำ
แม้ซึ่งอภิฐานอันมีโทษมากอย่างนี้   เพราะตนยังไม่ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ   แต่ผู้ถึง
พร้อมด้วยทิฏฐิ  ไม่ควรเพื่อจะทำอภิฐานเหล่านั้น.
         ก็ อภัพพ ศัพท์  ในบาทคาถาว่า ฉ จาภิ€านานิ  อภพฺโพ  กาตุํ
นี้   เป็นการแสดงถึงการไม่กระทำอภิฐาน  ๖   แม้ในระหว่างภพเป็นอรรถ.
จริงอยู่     แม้ในระหว่างภพ    พระอริยบุคคลนี้    แม้ไม่ทราบว่าตนเป็นพระ-
อริยสาวก  ก็ย่อมไม่กระทำเวร ๕ มีการฆ่าสัตว์เป็นปกติเป็นต้น    หรืออภิฐาน
๖ เหล่านี้    พร้อมกับการนับถือศาสดาอื่น    คือไม่กระทำฐานะ  ๖ ซึ่งอาจารย์
บางพวกกล่าวว่า  อภิฐาน ๖ ดังนี้ก็มี.   ก็ในข้อนี้มีเรื่องเด็กหญิงชาวบ้านผู้เป็น
อริยสาวิกา  ซึ่งถือเอาปลาตายเป็นต้นเป็นตัวอย่าง.
         พระผู้มีพระภาคเจ้า  ครั้นตรัสถึงคุณของพระอริยสาวก  ผู้แม้อุบัติแล้ว
สิ้น   ๗ ภพ   ซึ่งเป็นสังฆรัตนะ     ด้วยสามารถแห่งความเป็นผู้มีคุณพิเศษกว่า
บุคคลทั้งหลาย    ซึ่งยังละความยึดมั่นในภพไม่ได้เหล่าอื่นอย่างนี้แล้ว    บัดนี้
ทรงอาศัยคุณข้อนั้นนั่นเอง    จึงทรงประกอบสัจวาจาว่า     อิทมฺปิ      สงฺเฆ
รตนํ  ปณีตํ  เอเตน  สจฺเจน  สุวตฺถิ   โหตุ.
         เนื้อความแห่งพระคาถานั้น     พึงทราบโดยนัยที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้แล้วใน
ตอนต้นนั้นแล  อาชญาแห่งคาถาแม้นี้อันอมนุษย์ในแสนโกฏิจักรวาลรับแล้ว.
          พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสสัจจะอันเป็นสังฆาธิษฐาน    (มีพระสงฆ์
เป็นที่ตั้ง) แห่งพระอริยบุคคลผู้แม้เกิดแล้วสิ้น ๗ ภพ ด้วยอำนาจผู้มีคุณพิเศษ
กว่าบุคคลทั้งหลาย   ที่ยังละความยึดมั่นในภพไม่ได้เหล่าอื่นอย่างนี้แล้ว   บัดนี้
หน้า ๖๐